เมืองปักตะปุร์ อัญมณีแห่งเนปาล (Must See)

(English Version)

วันนี้พวกเราจะไปเมือง ปักตะปูร์ (Bhaktapur) เพราะก่อนมามีคนเขียนรีวิวไว้ ว่าถ้ามาเนปาลที่กาฐมาณฑุ ต้องไปเมืองปักตะปูร์ให้ได้ เพราะเมืองนี้นอกจากถูกบันทึกให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกเมืองหนึ่งแล้ว เขายังตั้งฉายาเมืองนี้ว่า เป็นอัญมณีแห่งเนปาล…

จริงๆ เราวางแผนไว้สำหรับวันนี้ว่า เราจะเยี่ยมชมเมืองปักตะปูร์ จากนั้นก็แว่ะ สักการะและเยี่ยมชมรูปปั้นพระศิวะที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากกนั้นก็ค้างคืนที่โรมแรม หิมาลัยคลับ เมือง Nagarkot เพราะเป็นทัวร์ที่นักท่องเที่ยวนิยมกัน แต่ว่าคืนนี้เป็นคืนคริสต์มาส โรงแรมบนหุบเขาที่เมือง Nagarkot ก็เต็มหมดค่ะ เราจึงต้องมาเที่ยวแล้วกลับไปนอนโรงแรมเดิมในเมืองกาฐมาณฑุเช่นเคย…

เราเริ่มทั่วร์กันที่ 9 โมงเช้า
(เป็นเวลากำลังดี)โดยคนขับรถกับไกด์ท้องถิ่นมารับและเริ่มเดินทางโดยขับรถออกจากตังเมืองกาฐมาณฑุไปประมาณ 14 กิโลเมตร (แต่รู้สึกไกลมาก ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) โดยแว่ะเยี่ยมชมและสักการะรูปปั้นพระศิวะที่ใหญ่ที่สุดในโลกบนยอดเขากันก่อนค่ะ…ค่าเข้าชมท่านละ 100 รูปี

รูปปูนปั้นพระศิวะแห่งนี้ ถือว่าเป็นรูปปั้นพระศิวะที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงถึง 143 ฟุต หรือประมาณ 43.6 เมตรค่ะ

ด้านหน้า และด้านหลังขององค์ศิวะ…
เท่าที่หาทัวร์จากประเทศไทย ไม่มีบริษัททัวร์ใดจัดโปรแกรมมาที่นี่เลยคะ อาจจะเป็นเพราะที่นี่ห่างไกลชุมชน และไม่มีอะไรมากนอกจากรูปปั้นพระศิวะอย่างเดียว แต่เราถือว่าเป็นกำไรเพราะถึงอย่างไรเราก็ต้องเดินทางมาทางนี้อยู่ดีค่ะ

หลังจากชมรูปปั้นพระศิวะแล้ว เราก็คิดว่าต่อจากนี้ไปก็คือไปเมืองปักตะปูร์ เพราะว่า เราไม่สามารถจองห้องพักที่เมือง Nagrakot ได้

แต่ด้วยความที่เราฟังไกด์แล้วไม่เข้าใจ ปรากฏว่าเขาพาพวกเราขับขึ้นเขาไปชมวิวที่ Nagrakot!!!
เมารถมากๆ เพราะว่า ทางเล็กและลดเลี้ยวขึ้นไปบนเขา ซึ่งเป็นระยะทางไปกลับไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ตอนแรกแอบโมโห ว่าจะพามาทำไม แค่ชมวิวเท่านั้นเอง!

แต่พอได้ขึ้นมาก็ทำให้รู้ว่า ทำไมบริษัททัวร์ที่เนปาลชอบจัดทัวร์ให้นักท่องเที่ยวมาค้างคืนที่นี่ ดูวิวรอบๆ ที่นี่สิค่ะ บางที ถ้ามาค้างที่นี่ อาจจะไม่ต้องเสียค่าเครื่องบิน เพื่อจะบินชมเทือกเขาหิมาลัยก็ได้…หรือถ้ามีโอกาสกลับมาที่นี่อีก ก็จะมาค้างที่นี่ให้ได้ค่ะ วิวสวยจริงๆ…

ขับรถลงเขา ก็ทำให้รู้ว่า เมืองปักตะปูร์อยู่แถวๆ ปลายเขานี่แหล่ะ
ถ้าไม่ต้องเสียเวลาขึ้นไปบนเขาป่านนี้ก็เดินชมเมืองเสร็จไปแล้ว แต่นี่ตอนนี้เมารถมากค่ะ ตาลายไปหมด แต่พอจ่ายบัตรเข้าชมเมืองปักตะปูร์ก็แอบหายเมารถ เพราะว่า ค่าเข้าชมท่านละ 1,100 รูปี (จริงๆ ก็ประมาณ 400 บาท หรือ $13 (เกือบเท่ากับค่าเข้าชมวัดพระแก้วของชาวต่างชาติในเมืองไทย) แต่ที่ตกใจเพราะว่า แพงกว่าทุกที่ที่ไปมาค่ะ

เดินเข้าเมืองปักตะปูร์ ก็ยังแอบคิดเสมอว่า ทำไมค่าเข้าชมแพงจัง แต่ว่าเดินเข้ามาก็เป็นเมืองธรรมดาๆ มีคนพื้นเมืองอยู่อาศัยกันปกติ!!!

ไกด์เดินนำพาพวกเราเข้าไปเรื่อยๆ จุดแรกที่หยุดก็ดูคล้ายๆ กับเมืองปาทัน ที่เราไปมาเมื่่อวันก่อน (City tour) แต่ว่าประจวบเป็นเวลาเที่ยงๆ ไกด์จึงแนะนำให้พวกเราแว่ะรับทานอาหารกลางวันกันก่อน…

ความรู้สึกแรกๆ ไม่ได้ตื่นเต้นเลย คิดว่าเป็นเมืองโบราณแห่งหนึ่ง ที่ชาวเมืองในชุมชนนี้ ยังคงรักษาสิ่งปลูกสร้างคงไว้เช่นเดิม แต่หลังจากเราทานอาหารกลางวันเสร็จ ไกด์ก็เริ่มพาเราเดินต่อไป (ข้อเสียของการไม่มีไกด์จากประเทศไทยไป ก็ไม่ค่อยมีข้อมูลที่เป็นเชิงประวัติศาสตร์มากนัก)…


จนเดินมาถึงกลางๆ ที่เขาเรียกว่า จัตุรัสปักตะปุร์ ดูร์บาร์ (Bhaktapur Durbar Squrae) ที่ตั้งของหมู่พระราชวัง วิหารและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในศิลปะสกุลช่างเนทาวารี ค่อยเข้าใจว่า ทำไมเมืองนี้ถึงได้สมญานามว่า อัญมณีแห่งเนปาล…

อย่างเช่นวิหารแห่งนี้ เป็นวิหารที่สูงใหญ่จริงๆ…อย่างเช่นภาพด้านบนเป็นภาพที่ยืนเทียบกับด้านล่างของวิหาร และเมื่อเดินขึ้นไปข้างบนจะเห็นทิวทัศน์รอบจัตุรัสแห่งนี้อย่างชัดเจน

ภาพถ่ายจากมุมบนของวิหารค่ะ

และที่นี่มีประตูทองคำ (Sun Dhaka หรือ Golden Gate) เป็นทางเข้านำไปสู่ลานของพระราชวังนามว่า Palace of 55 Windows (มีทหารยืนเฝ้าอยู่ด้วย แต่ว่าเขาไม่ให้ถ่ายรูปคู่ด้วยนะคะ) เป็นประตูนี้มีการแกะสลักงดงามและสมบูรณ์ที่สุดในโลก (อ่านเจอมาค่ะ) มีการประดับตกแต่งลวดลายของเหล่าเทพและอสูรต่างๆ ไว้อย่างประณีต แต่เขาให้แต่ชาวฮินดูเข้าชมในตัววัดในวังเท่านั้น พวกเราได้แต่เดินชมรอบๆ ค่ะ

นอกจากจัตุรัสเอกนี้ยังมีวัดและผลงานทางสถาปัตยกรรมจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน อาทิ ประตูสิงห์ (Lion Gate) รูปสลักของกษัตริย์ภูปตินทระ มัลละ (King Bhupatidra Malla) หอแสดงภาพ (Picture Gallery) วัดพัตสะละ (Batsala Temple) โดยเฉพาะรูปสลักอันวิจิตรของกษัตริย์ภูปตินทระ มัลละกำลังอยู่ในท่าแสดงความเคารพ ซึ่งตั้งอยู่บนเสาหินที่หันหน้าเข้าสู่ตัวปราสาทนั้น

นับว่าเป็นเมืองอีกเมืองหนึ่งที่น่าสนใจและสวยมากๆ เพิ่งเข้าใจว่าทำไม ค่าเข้าชมถึงได้แพงกว่าที่อื่นๆ และด้วยเสน่ห์ของเมืองนี้ที่เห็นได้ชัดเจนคือ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ดำรงอยู่รวมกับอาณาจักรโบราณอย่างกลมกลืน…

ที่เมืองนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้งไม่น้อยหน้ากับที่ธาเมล (Thamel)เลยค่ะ ว่ากันกัน ปักตะปูร์มีชื่อเสียงในด้านการแกะสลักไม้และทำภาทคาวันโตปี หรือหมวกแก๊ป (Bhadgaonle Topi Cap) แต่เราก็ไม่เห็นหมวกแก๊ปอะไรนะคะ

 ที่เห็นชัดเจนคืองานแกะสลักไม้ จะดูปราณีตและสวยงามกว่าที่ตลาด Thamel ค่ะ และสนนราคาก็แพงกว่าเช่นกัน…

มาสรุปค่าใช้จ่ายวันนี้กันค่ะ
ค่าทัวร์วันนี้ ซึ่งรวมไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถ คือ $90 หรือ 2700 บาท (ต่อสองท่าน)
ค่าเข้าชมวันนี้ 1,200 รูปี หรือประมาณ 450 บาท ต่อท่าน
ค่าทิปไกด์ ($20) คนขับรถ ($10) เพราะว่าวันนี้ออกมาไกลกว่าทุกวัน ประกอบกับวันนี้เป็นวันคริสมาสต์!!!
รวมแล้วค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ตกท่านละ 2,250 บาท หรือประมาณ $75 ค่ะ

วันที่เดินทาง: 25 ธันวาคม 2555

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *