ฮ่องกง Peak Tram – Madame Tussauds – Sky Terrace 428

มาฮ่องกงต้องนั่งรถลางชมวิว ที่ The Peak จริงเหรอ?…
เคยอ่านรีวิวก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ฮ่องกงครั้งแรก บางรีวิวถึงกับบอกว่า

ถ้ามาฮ่องกงต้องไปนั่งรถลางชมวิวที่ The Peak ให้ได้ ไม่งั้นจะถือว่ายังมาไม่ถึงฮ่องกง!

ขนาดนั้นเลยเหรอ??? แต่ครั้งแรกที่มาฮ่องกงพวกเราไปนั่งกระเช้าไปวัดหลวงพ่อใหญ่ทินถ่าน กับ ดีสนีย์ฮ่องกงก่อน จึงพลาดไม่ได้มาที่ The Peak Tram นี้ แต่เมื่อเราได้มีโอกาสกลับมาที่ฮ่องกงเป็นครั้งที่สอง เราก็เลยตั้งใจไว้เลยว่าเราจะต้องมานั่งรถลางที่ The Peak Tram นี้ให้ได้!!!

รถลางหรือ The Peak Tram เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7โมงเช้าถึงเที่ยงคืน แต่ ตึกหรือร้านค้าข้างบนจะเปิดตอนประมาณ 10โมงเช้า ถึงประมาณ ห้าทุ่ม

ครั้งนี้เราพักที่โรงแรม Novotel  ที่สามารถจองห้องพักราคาประหยัดผ่าน https://www.traveloka.com/th-th/hotel/hong-kong/novotel-nathan-road-kowloon-hong-kong-1000000129614 พวกเราเลือกโรงแรมที่ถนนนาธานเป็นหลักเพราะใกล้ตลาดกลางคืน (Temple Market) ที่นี่มีตลาดและอาหารโต้รุ่งทุกคืน

จากที่เราพัก ก็ไม่ยากไม่ง่ายที่จะเดินทางมาที่เดอะพีคนี้ โดยเรานั่งรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานี Central จากนั้นก็เดินตามป้าย The Peak เพื่อไปซื้อตั๋วและขึ้นรถลางกันค่ะ

พวกเรามาถึง The Peak Tram ประมาณบ่ายโมงของวันเสาร์ ก็เห็นนักท่องเที่ยวต่อแถวยาวมากๆ เหลือบไปเห็นน้องใส่เสื้อแจ๊คเกตสีแดงถือป้ายขายตั๋ว เป็นตัวรวมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กับตั๋วรถลาง(ไปกลับ) จริงๆ พวกเราก็ไม่ได้สนใจที่จะไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งฯ เลยแต่ ตรงป้ายเขาบอกว่า ตั๋วรวมฯนี้จะได้คิวพิเศษขึ้นรถลาง (Peak Tram Special Lane) คือ จะได้แซงคิว? แต่เป็นการแซงคิวที่ถูกกฎระเบียบ พวกเราก็เลยเรียกน้องๆ มาถาม

ปรากฎสนนราคาตั๋วรวมสำหรับผู้ใหญ่ๆ อย่างพวกเราคือ คนละ250เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ คนละ 1,250 บาท ก็ถ้าขึ้นรถลางอย่างเดียวก็แค่คนละ 40เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 200บาท

ราคาตั๋วรวมฯ นี้สามารถเช็คราคาปัจจุบันได้ที่ https://www.madametussauds.com/hong-kong/en/tickets-offers/

แต่ด้วยแถวยาวมาก พวกเราก็ไม่รอช้าที่จะตัดสินใจซื้อ พอซื้อแล้วก็เดินตามน้องอีกคนไปเข้าทางพิเศษ แต่ทางพิเศษยังไงก็มียังไม่ได้ขึ้นรถลางเลยนะคะ ยังคงต้องต่อแถว แต่ก็จะเป็นแถวด้านใน คือเขาก็ไม่ได้ให้เราแซงคิวไปหน้าสุด ได้ดีที่สุดก็ตรงจุดนี้ที่ก็ใช้เวลารออีกประมาณ 30 นาที

นี่ขนาดเราได้เข้ามาด้านในแล้ว แต่มองไปสุดสายตาก็ยังมองไม่เห็นต้นแถวเลยค่ะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเราต้องรอต่อแถวแบบปกติๆ จะต้องรอกี่ชั่วโมง คือนักท่องเที่ยววันนี้เยอะจริงๆ ค่ะ และเขาก็บอกว่าเยอะเป็นเรื่องปกติ โดยสถิติแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวมาขึ้นรถลางเฉลี่ยวันละ 11,000 คนเลยทีเดียว หลายๆรีวิวแนะนำว่าให้มาตั้งแต่เช้าๆ จะได้ไม่ต้องต่อคิวยาวค่ะ

และพวกเราก็ใช้เวลารอประมาณ 38นาที …โดยรถลางเที่ยวหนึ่งสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 120 คน (ที่นั่ง 90 ที่ยืน 30)

จากความรู้สึกที่ได้จากการอ่านรีวิว ว่ามาฮ่องกงต้องมานั่งรถลางนี้ให้ได้ มิเช่นนั้นถือว่า มาไม่ถึงฮ่องกง!  เรารู้สึกไม่ค่อยอยากสนับสนุนค่านิยมนี้นะ และส่วนมากรีวิวที่เขียนแบบนี้ก็เพราะเขาขายตั๋วรถลางกับพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งฯด้วย แต่อยากให้มาเพราะ มีเวลา และอยากซึมซับ เสน่ห์ของรถลางจริงๆ เสน่ห์ที่เขามีมาร้อยกว่าปีแล้ว คือเก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อปี พศ 2428 (1885) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่มากที่สุดในยุคนั้นของทวีปเอเซียเลย

รถลางเป็นไอเดียของ Findlay Smith ซึ่งได้เดินทางไปทั้งทวีปยุโรปและอเมริกา โดยเขาได้นำเสนอให้กับทางรัฐบาลฮ่องกงจนตัดสินใจสร้างรถลางนี้ขึ้น โดยใช้เวลาสร้างรถลางนี้ถึง 3 ปีกว่าจะได้เปิดใช้

และด้วยเวลาอันยาวนานและมีอายุมากกว่าร้อยปี ก็เป็นธรรมดาที่รถลางจะถูกภัยพิบัติธรรมชาติบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบมาตลอดจนทุกวันนี้ โดยจุดประสงค์ของการนั่งรถลางในปัจจุบันก็คือ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวของอ่าววิคทอเรียค่ะ

ซึ่งเวลาเรานั่งรถลางจะรู้สึกเฉียงๆ เอียงๆ เพราะทางไปตึกด้านบน The Peak Tower นั้นชันมาก แล้วเมื่อมองออกไปมองตึกรอบๆ จะทำให้เรารู้สึกว่า เราเห็นตึกเหล่านั้นเอียงๆ (แต่ในความเป็นจริงเราต่างหากที่นั่งเอียงๆ อยู่)

อ่านอ้างอิงเพิ่มเติมได้ที่ : The Peak Tram illusion

*The study is published in Psychological Science, a journal of the Association for Psychological Science in 2013.

ได้นั่งรถลางเพียงประมาณ 6-7นาที ก็ถึงยอดเขา Victoria Peak โดยเป็นระยะทางโดยประมาณคือ 1.4 กม (0.84ไมล์) และตรงจุดที่เราลงจากรถลางก็เดินเข้าตึก The Peak Tower ได้พอดี เราพวกเราเลือกที่จะไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซก่อนเลย

ถ้าใครเป็นแฟนของ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ ก็พอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า งานหุ่นขี้ผึ้งฯเขาก็จะเป็นหุ่นขี้ผึ้งเหล่าคนดังๆ  โดยที่ฮ่องกงเขาก็จะมีเหล่าคนดังที่เป็นชาวฮ่องกงด้วย โดยเฉพาะ เฉินหลง กับ บรูซลี

แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็เหล่าคนดังฮอลลีวู้ด…

ซึ่งเราก็ดีใจมากที่ได้ถ่ายรูปกับหุ่นขี้ผึ้ง Hugh Jackman จาก X-Men (ความชื่นชอบส่วนตัวสุดๆ) …คืองานเขาดีและละเอียดมากจริงๆ สนนราคาเข้าชมเฉพาะที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซนี้ก็ประมาณคนละ 225เหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 1050 บาทค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าเราซื้อตั๋วรวมกับตั๋วรถลางฯ

ได้ถ่ายรูปกับหุ่นกันอย่างหนำใจ ก็ยังงงๆ อยู่ว่า การที่เราถ่ายรูปกับหุ่นขี้ผึ้ง ทำไมถึงรู้สึกสนุก ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่คนจริงๆสักหน่อย…

ออกจากพิพิธภัณฑ์ฯ ขึ้นมาอีกนิดก็จะเป็น Sky Terrace 428 ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ซึ่งมีค่าเข้าคนละ 45เหรียญฮ่องกง หรือประมาณคนละ 225 บาท ก็ไม่พลาดค่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว โดยราคานี้มีหูฟังให้ฟรี เราก็ไปเลือกภาษาอังกฤษมา แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องค่ะ เสียงลมด้านนอกดังมาก…

เนี่ยแหล่ะค่ะ วิวบน Sky Terrace 428 ก็จะเป็นแบบนี้คือเราก็จะมองเห็นอ่าว Victoria พร้อมกับตึกสูงๆ มากมาย  นี่เราแทบจะลืมไปเลยว่าเราอยู่บนเกาะ!!! จริงๆก็คล้ายๆ วิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯบ้านเราเหมือนกันนะเนี่ย

สงสัยไหมค่ะว่าทำไม Sky Terrace 428 ทำไมต้องเป็นเลข 428?  ก็เพราะว่าจุดชมวิวนี้อยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 428เมตรค่ะ และเขาว่าเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในเกาะฮ่องกงแล้วด้วย …

นักท่องเที่ยวบน Sky Terrace 428 ช่วงที่เราขึ้นไปก็ไม่มากเท่าไร ส่วนมากจะไม่ค่อยอยากเสียเงิน เพราะยังมีจุดชมวิวดีและฟรีด้านล่างค่ะ

ได้เวลาหาอะไรทานกันแล้ว แต่ยังไม่ทันได้หาเลยค่ะ คุณผู้ชายหันไปเห็นร้าน Bubba Gump ก็ดีใจ เพราะว่าร้านอาหารนี้ไม่มีที่ประเทศไทย และในเอเซียเท่าที่รู้ก็น่าจะมีแค่ที่ญี่ปุ่น และที่ฮ่องกง ซึ่งร้านอาหารนี้เป็นของชาวอเมริกัน และถูกสร้างจากแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Forrest Gump ที่แสดงนำโดย ทอม แฮงค์ โดยส่วนหนึ่งของหนัง ที่นายBubba บอกว่ากับ Forrest(ทอม แฮงค์) ว่าเราน่าจะมาทำธุรกิจเกี่ยวกับกุ้งกันนะ แต่ในหนัง นายBubba ดันไปตายในสงครามเวียตนามซะก่อน

เขาจึงเอาชื่อนาย Bubba และนามสกุลของ Forrest (Gump) มาตั้งชื่อร้านว่า Bubba Gump และที่ร้าน ก็มีเมนูหลักเป็นกุ้งชุบแป้งทอดค่ะ มันก็อร่อยสไตล์อาหารทอดๆ ของอเมริกัน และก็ราคาแบบอเมริกันเช่นกัน

หลังจากทานอาหารกันแล้วเราก็ลงไปเดินย่อยกันข้างล่างค่ะ ตรงนี้แหล่ะค่ะที่นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ของอ่าว Victoria ได้ตลอดเวลาและไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ ตลอดทางมีภาพวาดวางขายด้วยค่ะ

สรุปเราใช้เวลาแบบสบายๆ ไม่เร่งร้อนอะไรที่นี่ ทั้งต่อคิวรอขึ้นรถลาง ทั้งถ่ายรูป ชมวิว เข้าพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งฯ ทานอาหาร รวมๆก็ 3ชั่วโมงครึ่ง

เรียกว่าอยู่เล่นจนหนำใจแล้วก็ไปต่อแถวรถลางเพื่อลงกลับไปที่เดิม แต่จริงๆ เราเห็นมีรถบัส รถเมล์เยอะมาก เชื่อว่าเราสามารถนั่งรถบัสหรือรถเมล์นี้กลับไปโรงแรมได้ แต่พอดีแถวที่ต่อรถลางไม่ยาวเท่าไร และเราก็มั่นใจมากกว่าที่จะกลับไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับโรงแรมทางเดิม

แถวข้างบนน่ะว่าง แต่แถวข้างล่างสิค่ะ แน่นกว่าเดิมอีก…ยิ่งเย็นยิ่งเยอะ เพราะมีนักท่องเที่ยวหลายท่านชื่นชอบที่จะนั่งรถลางชมวิวยามค่ำค่ะ

สรุปโดยรวมก็ดี ถ้ามีเวลาว่าง เน้นนะคะ ถ้ามีเวลาว่าง แบบไม่เร่งรีบสัก1วัน ในฮ่องกง แต่ถ้ารีบๆ ก็ไม่ค่อยอยากแนะนำค่ะ เพราะเสียเวลาตอนต่อคิวขึ้นรถลางนานมาก อย่างที่บอกค่ะว่าเฉลี่ยๆ แล้วจะมีนักท่องเที่ยวมานั่งรถลางประมาณ 11,000คนต่อวัน หรือประมาณ 4ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว

และวันนี้ พวกเราเป็น 2คน ใน 4ล้านคนของปีนี้ ที่ได้นั่งรถลางแล้วค่ะ

สนใจเดินทางไปฮ่องกง สามารถ จองตั๋ว จองห้องพัก จองโรงแรมได้ ที่
การจองตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกง >> https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Hong-Kong.HKG/1
หรือการจองที่พักในฮ่องกง >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/hong-kong/region/hong-kong-10011651




Ref: https://en.wikipedia.org/wiki/Peak_Tram

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *