สมมติว่า เราได้ไป เกาะกูด…

ตกเครื่อง…ไปไม่ทัน แจ๊คพ็อคมีรถจอดขวางรถเรา แล้วไม่ปลดเกียร์ แต่เราเตรียมตัวเตรียมข้อมูลแล้วสิ เลยมาสมมติกันว่า ถ้าเราได้ไปเกาะกูด เราจะ…เราจะได้ขึ้นเครื่องบินไปลงที่จังหวัดตราด เราจะได้ต่อรถไปท่าเรือ และเราจะได้ขึ้นเรือไปเกาะกูด ก่อนที่เราจะได้ไปนอนที่โรงแรมสุดชิล ริมชายทะเล และ ตื่นเช้าไป ดำน้ำรอบๆ เกาะกูด ค่ะ

เพราะการไปเกาะกูดไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่ต้องจอง รถ เรือ โรงแรม เครื่องบิน หลายอย่าง เราจึงตัดสินใจไปเกาะช้างก่อนเมื่อเดือนที่ผ่านมา (กพ 2559) และเมื่อไปถึงเกาะช้าง แล้วได้ไปดำน้ำ ก็ประทับใจทะเลอ่าวไทย สวยกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย ปลาทะเลก็เยอะมาก แม้เราว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จจากการดำน้ำครั้งนี้เท่าไร (เพราะคลื่นแรงมาก แถมพวกเราก็ไม่ใช่นักดำน้ำที่เก่งสะด้วย)

และเมื่อกลับมาจากเกาะช้าง เราจึงเริ่มจองทริปไปแก้ตัวที่เกาะกูดทันที ตอนไปเกาะช้างเราขับรถไป ก็แอบเบื่อเพราะระยะทางไกลมากจากกรุงเทพฯ ครั้งนี้เราจึงจองตั๋วเครื่องบินไปสะเลย สายการบินที่ไปตราดนั้น มี สายการบินบางกอกแอร์เวย์ เท่านั้นค่ะ ที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไป ตราด ซึ่งในปีนี้ มีสามเที่ยวบินต่อวันเลย

ถึงจะมีสามเที่ยวบินต่อวัน ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน ไปดูตั๋วเรือก่อนด้วยนะคะ ถ้าไปเกาะช้าง ก็ไปขึ้นเรือได้หลายท่า แต่ถ้าจะไปเกาะกูด หรือเกาะหมาก ต้องจองที่ บุญศิริเฟอรี่ค่ะ แต่ละฤดู ตั๋วเรือไปแต่ละเกาะ จะมีเวลาไปกลับไม่เหมือนกัน ก็ต้องเช็คให้ดีๆ อีก

อย่างทริปวันนี้ของเรา เราเลือกเที่ยวบินตอน 11.40น เพื่อจะไปถึง ตราดตอน 12.40น แล้วขึ้นรถที่สนามบิน (เขามีรถตู้ให้บริการค่ะ ราคาค่าโดยสารไปท่าเรือบุญสิริ ท่านละ 700 บาท) จากสนามบินไปท่าเรือบุญสิริ ใช้เวลาอีกประมาณ 40-50 นาที และเที่ยวเรือที่เราไปเกาะกูดคือ 14.20น. (ต้องไปถึงก่อน อย่างน้อย 20นาที) โดยใช้เวลาเกือบๆ อีก 1ชั่วโมงค่ะ กว่าจะถึงเกาะกูด…เห็นไหมค่ะ ว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ

สิ่งที่เรากลัวมากที่สุดคือ ลงจากเครื่องบินแล้วจะไปทันเรือไหม? เพราะรอบที่เราซื้อเป็นรอบสุดท้ายด้วย…อ่าาาา แต่เราก็ตกเครื่อง เลยไม่ทันได้ตกเรือเลย 555

ค่าเรือจากตราดไปเกาะกูด ท่านละ 500 บาทค่ะ แต่เราเสียค่าโอนเงินไปอีก 25บาท เราสองคนก็จ่ายล่วงหน้าไป 1,025บาท

ส่วนโรงแรมที่เกาะกูด เราเลือกมาเป็นปีค่ะ เริ่มจากที่ Shantaa เพราะชื่นชอบคุณกรกชในการตอบอีเมล์มาก เสียอย่างเดียว เมื่อตัดสินใจจองทีไร ห้องถูกจองไปก่อนตลอด ก็เขาบริการดีค่ะ ใครโทรฯมาก็คงตัดสินใจจองเลย ส่วนเรามัวแต่คิด เพราะ โรงแรมนี้ไม่มีทีวี จะว่าไปพวกเราก็มีไอแพด แต่ก็แอบคิดไม่ได้ เขาน่าจะมีนะ ทีวี

อีกโรงแรมที่น่าสนใจ คือ โรงแรม The Beach Natural Resort (Koh Kood) ภาพดูสวย รอบๆโรงแรมดูดีมาก มีสะพานไม้ สวยงาม ดูอลังการ เพอร์เฟค แต่พอจะจอง ขอตำหนิน้องคนรับจองว่า ไม่ดูให้ดีว่าห้องไม่ว่าง คุยโทรศัพท์กันอย่างดี พอเราบอกว่า โอเคจองค่ะ น้องบอกว่า คุณพี่ค่ะ ต้องขออภัย ห้องไม่ว่างค่ะ เอ่ออออ น้องค่ะ เราคุยกันเกือบ 20 นาที ทำไม ไม่เช็คให้ก่อน?  แต่ก็โชคดีไปค่ะ เราไปอ่านเจอ “ไฟฟ้าและพัดลมให้บริการตลอด 24 ชม. / เครื่องปรับอากาศสามารถใช้ได้ระหว่างเวลา 18.00 น – 8.00 น.”

และมีอีกหลายๆ โรงแรมที่เราสนใจ แต่เต็ม เช่น Wendy the Pool, High Season Pool Villas & Spa (สวยมาก แต่ราคาไม่ธรรมดา เพราะเขาเป็น pool villa ทุกหลังค่ะ)

จะมีน้องใหม่อย่าง To the Sea and The Resort, เกือบจะได้จองแล้วค่ะ แต่พอเปรียบขนาดห้องและราคา กับ Cham’s House แล้ว เราคิดว่า Cham’s House ราคาและขนาดห้องได้เปรียบกว่า (เรื่องอื่นไม่แน่ใจ แต่ จามส์เฮาส์ ก็โดนรีวิว แรงๆ จากฝรั่งเยอะ เช่น บริการไม่ดี ไม่สมกับระดับดาวของโรงแรม ฯลฯ)

สรุปไปๆ มาๆ เราเลือก Cham’s House ค่ะ ด้วยราคาและดูจากรีวิว Pantip ท่านอื่นๆ ก็ไม่เลวร้ายมาก ประกอบกับชายหาดก็สวยและดูดี พอใช้ได้อยู่ โดยเราจองห้อง Tropical Villa สนนราคาผ่านอโกด้า คือ คืนละ 6,500 บาท

อันนี้เป็นลิสต์โรงแรมที่เรารวบรวมเอง อ่านรีวิวเองนะคะ เอามาแชร์ ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ…

เที่ยวที่ไหน บนเกาะกูด?  อันนี้เราก็ใช้เวลาหาข้อมูลอยู่หลายเพลาและราตรีค่ะ แต่ที่ตั้งใจเลย คือเราต้องไปดำน้ำ สกูบ้า แน่ๆ ดังนั้นเราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับ Diving in Koh Kood หรือ ร้านดำน้ำก่อนเลย ซึ่งได้มาก็คือ BB Divers Koh Kood เขามีสาขาทั้งบนเกาะช้าง เกาะหมาก และเกาะกูด ถือว่าเป็นรายใหญ่เหมือนกัน เราเห็นที่เกาะช้าง เขาใช้เรือใหญ่มาก เพราะเขารวมทริปดำน้ำตื้น (snorkeling) ด้วย เรือใหญ่เราแอยกลัวตอนดำน้ำขึ้นมาแล้ว เรือจะต้องรับหลายจุด รับคนดำน้ำลึก รับคนดำน้ำตื้น ถ้าเราต้องลอยคอรอนานๆ  นี่เป็นอะไรที่ทรมานกายมาก (เพราะเราว่ายน้ำไม่เป็นไง) แต่หลักบริหารและบริการเหมือนกัน คือ มี Dive master หนึ่งท่าน ต่อ นักดำน้ำ 4ท่าน และตอนเราโทรฯ ไป เป็นฝรั่งรับสายค่ะ ไม่ต้องจองล่วงหน้า (ถ้าไม่เต็ม)

ส่วนอีกที่หนึ่งที่ได้รับรีวิวอย่างดีบน TripAdvisor คือได้ Certificate of Excellence สองปีซ้อน (2014-2015) นั่นก็คือ Koh Kood Divers เสียดาย ตอนเราโทรฯ ไป ไม่มีคนรับสายค่ะ  ดูจากรูปแล้ว น่าจะใช้เรือไม้ขนาดกลาง ข้อดีก็คือ เขาจะดูแลพวกเราทั่วถึงค่ะ

นอกจากนี้ยังมีที่เรากูเกิ้ลเจอ แต่ไม่ได้โทรฯ ไปนะคะ Paradise Divers Koh Kood
อ้อ…เวลาโทรฯไปหาแต่ละที่นั้น ต้องบอกวันที่เราจะไปดำน้ำด้วยนะคะ ว่าวันนั้นๆ เขามีตารางไปดำน้ำที่ไหนกัน เพราะบางที่ก็ไม่เหมาะกับบัตร open water สำหรับพวกเรา ก็โทรฯไปหาเจ้าอื่นแทนค่ะ หรือบางที่ไกลไป ใกล้ไป ก็เอาไปพิจารณา ณ วันนั้น ๆ ให้สะดวกและเหมาะสมกับเราที่สุดนะคะ

นอกจากจะไปดำน้ำลึก หรือดำน้ำตื้นแล้ว เกาะกูดยังมีน้ำตกค่ะ คือน้ำตกคลองเจ้า น้ำตกที่เขาว่าสวยมาก ไปไม่ยาก แต่เดินไกลนิดหน่อย น้ำตกคลองเจ้าเป็นน้ำตกที่มีน้ำตกและไหลตลอดปี เรียกว่าจะไปเกาะกูดเมื่อไร ก็ไปเล่นน้ำตกนี้ได้ตลอด

อีกหนึ่งความต้องการที่เกาะกูดที่เราคิดว่าจะเป็นไฮไลท์และรางวัลชีวิตให้กับชีวิต คือ การไปทานอาหารบน Treepod ที่ Soneva Kiri Koh Kood โรงแรมไฮโซ คือ ชาตินี้ถ้าไม่ถูกหวยร้อยล้าน เราคงไม่มีปัญญาไปนอนที่โรงแรมนี้ค่ะ แต่เจ้า Treepod นี่มัน อะไรกันอ่ะ คิดได้ยังไง??? ทานอาหารบนยอดต้นไม้ (เรายิ่งชอบที่สูงด้วยสิ) เราจึงลองโทรฯ ไปถามข้อมูลค่ะ ปรากฎว่าเจ้า Treepod นี้ เขามีอยู่ต้นเดียว ซึ่ง ให้บริการอาหาร เช้า กลางวัน เย็น วันละ 3 รอบ โดย รอบละ หนึ่งครอบครัว (แต่ดูแล้วไม่น่าจะเกิน 4คน) โดยเขาจะให้สิทธิ์การจองนั้นแก่แขกที่พักในโรงแรมก่อนเท่านั้น ซึ่งช่วงที่เราโทรฯไป เจ้า Treepod มียอดจองเต็ม ล้น ไปจนถึงหลังสงกรานต์ค่ะ คือเจ้า Treepod อ่ะเราไม่แปลกใจที่เต็ม (เพราะมีอยู่ต้นเดียว) แต่โรงแรมนี่สิค่ะ ห้องพักเริ่ม 7-8 หมื่นบาทต่อคืน เต็มหมดได้ยังไง!!!

สุดท้าย ขอไปเป็นเด็กเสิร์ฟได้ไหม เราเรียนโยคะฟลายมา 555

ส่วนที่เที่ยวอย่างอื่นที่เกาะกูด นอกจากไปเล่นน้ำทะเล ถ่ายรูป ใช่ชุดว่ายน้ำเดินย่ำทราย พายคะยัค ฯลฯ แล้ว เราก็คิดว่า น่าจะคุ้มค่าเพียงพอแก่เวลาสำหรับทริป 2วันครึ่ง/ 2คืนของพวกเราแล้วล่ะ

ข้อมูลแค่นี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ หรือใครที่อยากจะมาเที่ยวเกาะกูดกันนะคะ

ส่วนการเดินทางกลับ ก็เช่นกัน ซื้อตั๋วเรือกับบุญศิริ (เขาจะมีรถมารับส่ง ถึง โรงแรมในเกาะกูด) แต่ต้องแจ้งข้อมูลให้เขาดีๆ หรือให้ทางโรงแรมเราโทรฯ จัดการให้นะคะ

เช่นกัน จากท่าเรือ ก็ต้องขึ้นรถไป สนามบิน…ก็ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย

และจะขึ้นเครื่องก็เช็คเวลาให้ดีค่ะ จะได้ไม่ตกเครื่อง หรือ รอนานจนเกินไป โอยดูเหมือนเราจะได้เตรียมตัวดี และจะต้องสนุกที่เกาะกูดแน่ๆ เสาร์อาทิตย์นี้

แต่…ทั้งหมดทั้งสิ้น มันสูญสลายไปในชั่วขณะ เพราะรถ ที่จอดขวางรถเราแล้วไม่ปลดเกียร์ว่างค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่เราจะเดินทางไปสนามบินค่ะ คนขับรถของเราจอดรถเข้าซองไว้ เรานัดเวลากับคนขับรถแล้ว ถึงเวลา เฮ้ย ทำไม รถไม่มารับ หันไปเห็นคนขับรถวิ่งไปมา ลากตัวแม่แรงไฮโดรลิค แล้วตะโกนบอกว่า มีรถจอดขวางแล้วไม่ปลดเกียร์ครับ!

เราหน้าซีดดดดดดดดดด…ณ จุดนี้ ไม่น่าจะสายสักนาทีแล้ว

เดินไปดูที่รถ เราพูดเลยว่า เอากระเป๋าลง ไปแท็กซี่! แต่คนขับรถโยกแม่แรงฮึดฮัด พร้อมบอกว่า ช่วยดันรถหน่อยครับ! เราเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ช่วยคนขับรถแล้วเดินไปช่วยดัน ปรากฎว่า แม่แรงของตึก SCB ไม่ทำงานค่ะ โยกเท่าไรก็ยกรถไม่ขึ้น

คนขับรถ ดูท่าทางเหมือนจะชะตาขาด วิ่งไปหยิบแม่แรงฯ อีกตัวมา พร้อมโยก คราวนี้ยกรถได้สูงระดับหัวเข่าเราค่ะ เราสองคน(คนเล็ก กะคนฝรั่ง) ช่วยกันดันรถ ดันเท่าไร ก็ดันไม่ไปค่ะ งง มาก สรุป มันยกสูงไม่เพียงพอ หรือว่า เขาล็อคเบรคมือ หรืออะไร???

จังหวะ ชุลมุนวุ่นวาย เชื่อไหมค่ะ ไม่มี รปภ ของตึกไทยพาณิชย์ (รัชโยธิน) มาดูเลยค่ะ…ประทับใจสุดๆ

ผ่านไป เกือบ 20 นาที เราไม่ฟังใครอีกแล้ว ลากกระเป๋า กันออกมาจากรถ แล้วเดินกลับขึ้นตึก ไปรอแท็กซี่ ให้รภป ที่หน้าตึกเรียกให้ รอแท็๋กซี่อีกเกือบ 10 นาที ถึงได้รถแท็กซี่ ตอนกระโดดขึ้นบอกพี่คนขับแท็กซี่ว่า พี่ค่ะ ทางด่วนได้ อะไรได้ ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ทำเวลาให้หน่อยค่ะ

แท็กซี่ เหยียบมิด แต่…รถติดหนักมาก ก็มันวันที่ 1 ของเดือนนี่นา

เอาล่ะงั้นโทรฯ เข้า call center ของ Bangkok Airways เบอร์ 1771 บอกเขาว่า ไปช้า ขอเช็คสาย เขาบอกว่า ยังไงก็ต้องไปให้ถึงก่อน 40 นาที เวลาก่อนเครื่องออกค่ะ…กรรม…บวกลบกับเวลาปัจจุบัน เราเหลือ แค่ 15 นาที ที่จะต้องไปให้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ…

แท็กซี่บอกว่า น่าจะไม่ทันนะครับ ทำไม ไม่ไป สนามบินดอนเมืองล่ะน้อง???

ฟังตอนแรกโกรธ ถามอะไรหมูๆ…แต่พอตอนนี้ ขำหนักมาก เอ่อ เครื่องบิน นะคะ ไม่ใช่แท็กซี่ จะขึ้นที่ไหนก็ได้

โค้งสุดท้ายที่เราจะเลี้ยวเข้าสนามบิน รู้ว่า ยังไงก็ไม่ทัน แต่เอานะ มาถึงสนามบินแล้วนี่นา เราคุยกันก่อนแท็กซี่จะจอด ว่า เราจะวิ่งไปอ้อนที่เค้านเตอร์ก่อน ส่วนอีกคนให้จ่ายค่าแท็กซี่ แล้วเอากระเป๋า วิ่งตามไปนะ (คือ ทำงานกันเป็นทีม)

พอแท็กซี่จอด เราวิ่งเข้าอาคารอย่างรวดเร็ว มาอ้อน ที่พนักงานฯ ท่านแรก น้องเขาเช็คให้แล้ว บอกว่า ไม่ทันแล้วค่ะ ไม่ทันจริงๆ เหลือแค่ สิบนาทีเครื่องจะออกแล้วค่ะ

เราอ้อนต่อ น้องบอกว่าให้ติดต่อช่อง 17-18 ซึ่ง เป็นช่องของ Waiting list แต่เราหันไปเจอ Manager ที่นั่งหน้าเค้าน์เตอร์ เดินไปขอร้อง เขาก็บอกว่า ยังไงก็ไม่ได้ เรามันเหลือเวลาไม่ถึง 10 นาที เครื่องจะออกแล้ว…

ทางสายการบินฯ ถามว่า ไปรอบถัดไปไหม? ซึ่งถ้าเราไป เราก็ไปเกาะกูดไม่ได้ เพราะไม่มีเรือไปเกาะกูดแล้ว ต้องจองโรงแรมที่ตราดคืนนึง รวมๆ แล้วยุ่งยากค่ะ ประกอบกับ ช่วงนั้น เราต้องทำหลายอย่างมาก โทรฯบอกโรงแรมที่เกาะกูด ติดต่อสายการบิน  เพื่อ open ตั๋วไว้ ปวดหัวใจค่ะ เราเลยยกเลิกทริปวันนี้ คอตก ลากกระเป๋ากลับบ้าน…

ส่วนโรงแรมที่จองกะอโกด้า มูลค่า 13,889 บาทนั้น ทางอโกด้า ไม่คืนเงินให้ค่ะ เพราะมีเงื่อนไขลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนว่าในกรณีไม่สามารถเข้าพักได้ตามวันและเวลา ก็ไม่มีการคืนเงินใดๆ ทั้งสิ้น

แต่โชคยังเข้าข้างเรา เมื่อเราโทรฯไปหา Cham’s House และแจ้งปัญหาไป ทางคุณณัท (reservations) สามารถช่วยเลื่อนวันให้ แต่ให้แค่ภายในเดือนนี้ และไม่ใช่ช่วงวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งทางคุณณัท ก็ย้ำหนักหนา ว่า ปกติ ถ้าจองกับอโกด้า เราไม่สามารถเลื่อนหรือเปลี่ยนวันให้ได้ ก็ต้องขอบคุณในความเห็นอกเห็นใจพวกเราค่ะ

แต่คุณณัท ก็ให้โอกาสในการเลื่อนครั้งเดียว และต้องตัดสินใจเลย ณ ตอนที่คุยโทรศัพท์กัน ซึ่งเราขอเลื่อนไปก่อนสามอาทิตย์จากนี้…ซึ่ง 50/50 เราอาจจะต้องสูญเสียเงินก้อนนี้ไปจริงๆ ถ้าพลาดโอกาสสุดท้ายนี้

ส่วนตั๋วเครื่องบิน เขาให้ Open ได้ 1 ปี แต่แน่นอน เงื่อนไขในการเปลื่ยนแปลงขึ้นอยู่กับราคาตั๋ว ณ วันที่เราเปลื่ยนไป ถ้าราคาแพงกว่า เราก็ต้องจ่ายส่วนต่าง แต่แน่นอน มีค่าเปลี่ยนตั๋ว อย่างต่ำ คนละ800 บาท ต่อเที่ยว (รวมๆ 2คนก็ สี่เที่ยวค่ะ ไป-กลับ)

อันนี้เรา Open ทิ้งไว้เฉยๆ ยังไม่ได้ระบุวัน…

ส่วนค่าเรือ 1,025 บาท ไม่ต้องถามถึงค่ะ เขาไม่คืนไม่เปลี่ยนให้…เพราะเขาให้เปลี่ยนได้ 3 วันก่อนเดินทาง…

ที่หนักไปกว่านั้น ค่าแท็กซี่ไปกลับสนามบินวันนี้ ประมาณ 700บาท แบบไม่รวมค่าทางด่วน ซึ่งเราจำไม่ได้ (ตั้งแต่รัชโยธิน ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ) มันใช่ไหมค่ะ? ที่เราจะต้องมาจ่ายเงินตรงนี้อีก

สรุป เรากลับบ้านเลยค่ะ ไม่ได้ กลับไปที่ตึกไทยพาณิชย์อีก คิดว่า วันนี้เหนื่อยมามากพอแล้ว ถ้ากลับไปที่ตึก ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะถ้าที่ตึกทำอะไรได้ ก็คงช่วยทำตั้งแต่มีแม่แรงดีๆ ยังไม่พัง ยกได้จริง ตั้งแต่อันแรกที่พวกเราพยายามยก ว่าแต่ว่า ถ้าเราไม่มีคนขับรถ เราก็ต้องเสียเวลากลับไปเอารถที่ตึก และเสียเวลา อีกใช่ไหมค่ะ

ในเคสของเรา ก็แค่เสียเงิน กับ เสียเวลา และอาจจะมีเสียความรู้สึก (แน่นอน!) แต่พวกเรายังไม่เป็นอะไร ขอให้เคสเราเป็นอุทาหรณ์ในการจอดรถของคุณ ถ้ารู้ว่าจอดรถขวางคันอื่นเมื่อไร อย่าลืมปลดเกียร์ว่าง ค่ะ

 

 

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *