ทัวร์รอบๆ เกาะหลีเป๊ะ (เกาะหินงาม เกาะยาง เกาะราวี และอดัง)

(English) โปรแกรมทัวร์เกาะหลีเป๊ะ เราซื้อรวมกับที่พักที่บันดาหยา รีสอร์ท ดังนั้นทุกกิจกรรมที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ฟรีหมดทุกอย่างค่ะ วันนี้เป็นวันที่สองของเราที่เกาะหลีเป๊ะ และเป็นทัวร์เต็มวันกับพี่ดาเลีย ไกด์ของพวกเรา
แย่หน่อยที่ฝนตกในตอนเช้าทำให้ต้องรอฝนหยุดตกก่อนที่จะได้เริ่มทัวร์กัน

โดยวันนี้ พี่ดาเลีย จะพาพวกเราไปเที่ยว 4 เกาะหลักๆ ในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะหลีเป๊ะ (แต่เป็นของอุทยาน ไม่อนุญาติให้พักอาศัย แต่อนุญาติให้เข้าเที่ยวชมได้) ได้แก่ เกาะหินงาม เกาะยาง เกาะราวี และเกาะอดัง


เราเดินทางไปเกาะด้วยเรือหางยาว ซึ่งคนขับเรือเป็นคนเกาะหลีเป๊ะ พี่ดาเลียบอกว่า ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (พฤศจิกายน-เมษายน) เขาก็จะเอาเรือใส่หลังคา เป็นเรือรับจ้างนักท่องเที่ยว แต่ถ้าช่วงที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว เขาจะเอาหลังคาออกและเอาเรือออกไปหาปลากันค่ะ เหลือเรือไม่กี่ลำที่รับจ้างพาทัวร์

ขับออกมาออกมาจากเกาะหลีเป๊ะได้เพียงไม่กี่นาที พี่ดาเลียก็ชี้ให้ดูซากสะพาน ที่เคยสร้างจากเกาะอดัง มาถึงเกาะหลีเป๊ะ เพื่อรับเสด็จฯ สมเด็จย่า เมื่อครั้งทรงเสด็จมาพระราชทานนามสกุลให้แก่ชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งสะพานก็โดนน้ำทะเลพัดเสียหายไปตามกาลเวลา นี่ขนาดเหลือแต่ซาก แต่พี่ดาเลียก็ยังพูดให้ฟังด้วยความปลื้มปิติ

ออกเรือมาไกลอีกนิด มองกลับไปที่เกาะหลีเป๊ะเห็นโรงแรม Mountain Resort ที่ปิดทำการช่วงนี้ แต่คิดว่า ดูจากภายนอกน่าจะเป็นโรงแรมที่น่าสนใจดีเพราะว่ารายล้อมไปด้วยวิวที่สวยงามค่ะ ไกลมาอีกนิดพี่ดาเลียชี้ให้ดูเรือนประทับรับรองของสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งพระองค์โปรดปรานเกาะหลีเป๊ะ และเสด็จมาประทับเป็นประจำทุกปีค่ะ


ถ้าหากไม่ได้ซื้อเป็นโปรแกรมทัวร์รวมกับที่พัก ก็สามารถหาทัวร์เกาะต่างๆ ได้ที่ Walking Street ที่เกาะหลีเป๊ะค่ะ โดยปกติสำหรับทัวร์ประมาณ 4 เกาะ ต่อหนึ่งวัน จะเริ่มต้นคนละ 550 บาท แต่สำหรับทัวร์ของพวกเรา เลือกที่จะไปชมเกาะหินงาม ไปดำน้ำที่เกาะยาง จากนั้นทานอาหารกลางวันกันที่เกาะราวี และดำน้ำที่เกาะอดังอีกรอบค่ะ

1. เกาะหินงาม Hin Ngam Island

จากเกาะหลีเปีะมาเกาะหินงาม ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงค่ะ คนพื้่นที่ที่นี่จะนิยมตั้งชื่อเกาะ ตามสิ่งที่เขาพบเห็นบนเกาะ เกาะหินงามก็พบหินงามเต็มไปหมด หินที่นี่เป็นก้อนกลมๆ มนๆ รีๆ เพราะเกาะหินงามตั้งอยู่ กลางร่องน้ำ 3 กระแส คือ ร่องน้ำจากเกาะอดัง-หลีเป๊ะ และ ร่องน้ำอดัง-ราวี และ กระแสน้ำจากเกาะดุง มาปะทะกันตรงเกาะหินงามพอดี กระแสน้ำเสาะหินมาจากเกาะ ทำให้หินที่แตกออกจากเกาะ และหรือแม้แต่ประการังบริเวณนี้ จะกลายเป็นวงกลม หรือ วงรี และแถมยังมีลวดลายแตกต่างกันอย่างมีเสน่ห์สวยงาม สมดังชื่อเกาะค่ะ

พี่ดาเลียบอกว่า หินงามจะงามก็ต่อเมื่อถูกคลื่นและน้ำทะเลซัด เพราะจะเป็นสีดำนิลวาว ปกติแล้วจะแนะนำให้นักท่องเที่ยวถึงวิธีการถ่ายรูปหินที่สวยจริงๆ คือต้องถ่ายให้เห็นเป็นเงาของเราในหินค่ะ

แต่ต่อมานักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่นิยมเดินทางมาที่เกาะหินงาม และนิยมเอาหินมาตั้งต่อๆ กันแล้วอธิษฐาน…ทำให้กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมของเกาะหินงามแห่งนี้ พี่ดาเลียบอกว่า เคยถามชาวญี่ปุ่นว่าทำไม เขาตอบว่า เพื่อการขอพรต่อเทพพระเจ้าบนสวรรค์ โดยอย่างน้อย ต้องใช้หิน 13 ก้อนหรือ มากกว่า เพราะยิ่งต่อสูงก็ยิ่งใกล้พระเจ้าฯมากขึ้น และการขอพรก็จะทำให้เป็นจริงมากขึ้น

ฟังดูแปลกๆ แต่ลองต่อหินดูเล่นๆ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ…

หินงาม สวยล่อตาล่อใจ แถมไม่มีคนเฝ้า นักท่องเที่ยวอาจจะหยิบกลับบ้านกัน แต่มีเรื่องเล่าว่า สองสามีภรรยานักธุรกิจได้นำหินงามกลับไปบ้านสองก้อน จากนั้น ธุรกิจของเขาก็มีแต่ปัญหา ไม่ราบรื่น ต่อมาสองสามีภรรยาได้นำหินมาคืนพร้อมกับทำพิธีบนเกาะหินงาม ไม่ได้ขู่นะคะ เขาเล่าให้ฟังมา แต่การท่องเที่ยวเกาะหินงามที่ดี คือการไม่นำหินกลับบ้านนะคะ ให้เขาอยู่อย่างธรรมชาติจะสวยงามกว่าค่ะ

2. เกาะยาง Yang Island

ใช้เวลา 20นาทีจากเกาะหินงาม มาต่อที่เกาะยางค่ะ เกาะนี้แปลตรงตัวเช่นกัน เพราะว่าพบต้นยาง (แต่ไม่ใช่ต้นยางพารานะคะ) บนเกาะนี้จำนวนมาก ชาวเรือนิยมมาตัดต้นยางจากเกาะนี้เพื่อไปทาเรือ ป้องกันรอยรั่วค่ะ พอมาถึงเกาะยางมีนักท่องเที่ยวเรือลำอื่นมาถึงก่อนสองสามลำดำน้ำเล่นกันอยู่ พี่ดาเลียเริ่มสอดส่องหาจุดดำน้ำให้พวกเรา โดยพี่ดาเลียบอกว่าช่วงนี้น้ำน้อย ตื้นและขุ่นกว่าช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่พวกเรามองเห็นหินใต้น้ำเลยนะคะ นี่ยังไม่ใสอีกเหรอค่ะพี่ดาเลีย?!?!?!?!

ในที่สุดพี่ดาเลียก็หาจุดที่จะพาพวกเราดำน้ำดูประการังกันได้แล้วค่ะ ปะการังบริเวณนี้สวยงาม นอกจากนั้นเรายังได้เห็นปลาหมึก และปลาเสือ ฯลฯ

ถึงแม้ว่าเราก็ไม่ค่อยสันทัดกับสัตว์น้ำเท่าไรค่ะ แต่น้ำใสดี ทำให้สนุกและเพลิดเพลินกับการดำน้ำ

พอได้ออกกำลังและโดนน้ำบ้างทำให้พวกเรา กระปรี้กระเปร่า หายเมาเรือดีค่ะ จากนั้นเราไปต่อกันที่เกาะราวี…

3. เกาะราวี Rawi Island

ราวี แปลว่า หวาย เพราะที่เกาะนี้ มีต้นไม้หวายขึ้นจำนวนมาก ถ้าได้ขึ้นเรือของคนท้องถิ่นมองดูหลังคาเรือ จะเห็นไม้ที่ใช้จะเหนียวโค้งได้ไม่หัก ชาวเรือจึงนิยมนำมาทำเป็นไม้หลังคาเรือค่ะ

พี่ดาเลียบอกว่า นักท่องเที่ยวคนไทยจะนิยมเกาะราวีเป็นพิเศษ เพราะนอกจากสวยงามแล้ว ยังร่มรื่น ไม่ร้อน และยังเป็นการตามรอยโฆษณา UNSEEN ของการท่องเที่ยวไทยอีกด้วย

เกาะราวี นักท่องเที่ยวนิยมมาทานอาหารและปิคนิคกันค่ะ แต่บนเกาะช่วงนี้ไม่มีร้านอาหารให้บริการนะคะ และก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีไหม? (ตอนนี้มีแต่ป้าย ส้มตำ ไก่ย่าง แต่พี่ดาเลียก็ไม่สามารถบอกได้ว่าช่วงฤดูท่องเที่ยว จะมีแม่ค้ามาขายของหรือเปล่า)

ดังนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมอาหารมาเองค่ะ แต่พวกเราเป๊ะเว่อร์เพราะมีพี่ดาเลีย จัดการให้ มีพี่ดาเลียก็เหมือนมีครัวเคลื่อนที่ค่ะ แต่ทานเสร็จต้องช่วยกันเก็บขยะเอากลับไปด้วยนะคะ พี่ดาเลียบอกว่า ถ้านักท่องเที่ยวช่วย ด้วยการซื้ออาหารกล่องจากร้านที่ใช้กล่องพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งเขาจะคิดค่าประกันกล่อง และคืนเงินเมื่อเอากล่องไปคืน ก็จะช่วยเรื่องขยะได้เยอะค่ะ แต่นักท่องเที่ยวบางท่านก็อาศัยความสะดวกด้วยการซื้อแบบกล่องโฟมมา และเอามากองทิ้งไว้บนเกาะที่ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่เพิยงพอมาเก็บ อีกทั้งบนเกาะนี้มีลิงอาศัยเป็นจำนวนมาก ลิงก็จะมาเก็บอาหารที่เหลือตามขยะ แต่ด้วยตามสัญชาตญาณของลิง ก็จะเอาคว้ากล่องหรือขยะแล้วปีนต้นไม้และเอาขยะไปทิ้งที่อื่นทั่วเกาะ พวกเราต้องฝากบอกต่อๆ กันว่า กรุณาเอาขยะของท่านกลับไปด้วยค่ะ

ที่ตลกก็คือป้าย ห้ามให้อาหารลิง โดยภาษาอังกฤษสะกดผิดไปตัวเดียว (Feet จริงๆ ต้องเป็น Feed) ทำให้กลายเป็นป้ายห้าม ให้เท้าลิงค่ะ…

ทานอาหารเสร็จ พี่ดาเลียบอกว่าให้เดินย่อยสักนิดหน่อย ก่อนลงเล่นน้ำ เดี๋ยวจะจุกค่ะ

ชายหาดเกาะราวีจะมีทรายขาว กับทรายดำละเอียด ทรายขาวที่ปกติเราจะเห็นทั่วไป แต่ทรายดำนี่พิเศษค่ะ เพราะพี่ดาเลียบอกว่า เป็นทรายหินจากเกาะหินงาม โดยเม็ดทรายเป็นสีดำละเอียด…ดูแปลกตาดีค่ะ

และที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือเจ้าชิงช้าใต้ต้นไม้ที่เกาะราวี ที่จะมีผู้คนแว่ะมานั่งเล่นไม่ขาดสาย

พวกเราใช้เวลาแบบชิวๆ ที่เกาะราวีสักพัก เราก็เดินทางต่อไปเกาะอแดง หรือ เกาะอดัง ค่ะ

4. เกาะอะแดง หรือ อดัง Adang Island

อะแดง หรือ อดัง เป็นคำที่ออกเสียงเพี้ยนมาจากคำว่า อุดัก ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นแปลว่า กุ้งใหญ่ เนื่องจากในอดีตพบกุ้งก้ามกรามจำนวนมากในบริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นเกาะที่มีแต่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พักอาศัยค่ะ เมื่อมาถึงเกาะ พี่ดาเลียเริ่มกวาดตาหาน้ำใสๆ สวยๆ ให้พวกเราดำน้ำอีกแล้วค่ะ

ขอบอกว่า ตั้งแต่มาถึงเกาะหลีเป๊ะ และไปเที่ยวเกาะอื่นๆมา เกาะอแดง มีน้ำทะเลที่สวยที่สุดค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่พวกเราประทับใจมากที่สุด ปะการังบริเวณนี้ก็มีสีสวยงามและขนาดใหญ่มาก แต่พี่ดาเลียก็ยังคอนเฟิร์มว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน สวยกว่านี้เยอะ!

ณ จุดนี้ พวกเราทั้งดำ ทั้งว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน คนว่ายน้ำได้ก็ว่ายเองค่ะ แต่เราปลอดภัยไว้ก่อน เพราะว่ายน้ำไม่ค่อยแข็ง พี่ดาเลียเลยเอาเราใส่ห่วงยางแล้วจูงให้ค่ะ พี่ดาเลียแสนเซ็กซี่ก็ดำน้ำเล่นกับพวกเรา จนพวกเราไม่คิดว่าแกมาเพื่อทำงาน เป็นที่ชื่นชอบของพวกเรามากค่ะ

ดำเล่นกันไปสักประมาณเกือบๆ ชั่วโมง ที่ดาเลียก็พาเข้าฝั่งของเกาะอแดงเพื่อเดินชมบริเวณรอบๆ ชายหาดที่พี่ดาเลียบอกว่าเป็นชายหาดใหม่ ไม่เคยมีในอดีตมาก่อน โดยให้สังเกตุจากเนินหาดจะเป็นคล้ายๆ เนินคลื่น โดยทุก 1-2 ปีจะมีเนินหาดแบบนี้เกิดขึ้น และเมื่อมีพื้นที่ ต้นสนก็เจริญเติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติต่อมา แต่เป็นที่น่าสนใจที่ต้นสนเรียงตัวกันขึ้นเป็นทิวแถว เหมือนกับมามีคนมาปลูกไว้ให้ค่ะ

ยอมรับว่า ถ้าทริปนี้ไม่มีพี่ดาเลียเป็นไกด์ให้พวกเรา ทริปเราก็คงไม่ได้รสชาดขนาดนี้เช่นกันค่ะ.

จบทริปการทัวร์เกาะที่เกาะอะแดง พี่คนขับเรือ และพี่ดาเลียก็พาเรากลับเกาะหลีเป๊ะค่ะ วันนี้เริ่มทัวร์ประมาณ 11 โมงเช้า และกลับถึงรีสอร์ทที่เวลาประมาณ ห้าโมงเย็น นี่ถ้าเราไม่เมาเรือ ก็จะเป็นทริปที่สนุกที่สุดเลยค่ะ ..

(ทัวร์เกาะฯนี้ รวมกับเรื่อง เป๊ะเว่อร์ ที่หลีเป๊ะ อ่านทริปพวกเราบนเกาะหลีเป๊ะไปยังไง และ มีอะไรบนเกาะหลีเป๊ะ??? )

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *