One Day Trip : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ดำน้ำตื้น พายเรือคายัค (Speed Boat)

English Version (soon) การได้มาเที่ยวสมุยก็ดีอย่างเพราะมีทั้งทัวร์หมู่เกาะอ่างทองฯ เกาะเต่า เกาะนางยวน หรือ เกาะพงัน รายรอบเกาะให้เลือก แต่ครั้งนี้พวกเราเลือกไปทัวร์หมู่เกาะอ่างทอง (เก็บเกาะเต่า และเกาะนางยวนไว้ทริปหน้า)

เหตุผลที่เราเลือกหมู่เกาะอ่างทองฯ ก็เพราะว่า ระยะทางใกล้กับเกาะสมุยที่สุด แถมยังมีกิจกรรมหลากหลายทั้งดำน้ำ พายเรือคายัค และชม “ทะเลใน” ทะเลสาบใจกลางหุบเขา ที่เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand สนนราคาทัวร์ในวันนี้ที่ท่านละ 1,700 บาท (แพงจนตกใจเพราะว่าไปทัวร์มาหลายที่ ที่นี่แพงสุด แต่ถ้าดูรวมๆ ก็คุ้ม เพราะอัดแน่นด้วยกิจกรรมตลอดทั้งวัน)

ส่วนบริษัททัวร์ที่เราได้ซื้อโดยบังเอิญที่จะเขียนรีวิวในวันนี้คือ บริษัท Grand Sea Discovery จริงๆ บริษัทฯ นี้ได้เสียงตอบรับด้วยดีมาตลอด โดยราคาที่กล่าวไปนั้นรวมรถตู้มารับถึงโรงแรมฯ และก็มาตรงเวลาด้วยค่ะ นัดไว้ 8.15-8.30 ตอนเช้า เขาก็มารับพวกเราช่วงเวลานั้นจริงๆ และที่ท่าเรือของบริษัทฯ ก็มีพนักงานคอยเช็คชื่อ และแบ่งลูกทัวร์ตามทัวร์ของแต่ละคนด้วยด้ายหลากสี แถมมีอาหารเช้าไว้บริการด้วยค่ะ

แต่มีฉากดราม่าก็ตอนเช็คชื่อ เพราะพวกเราใส่ชื่อแค่ชื่อเล่น แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง สั่งให้พวกเราใส่ชื่อและนามสกุลจริง พร้อมกับอีเมล์ด้วย นอกจากเขาจะใช้น้ำเสียงสั่งพวกเราด้วยหน้าตากวนๆ ผ่านโทรโข่งแล้ว ยังมีประโยคเด็ดเหน็บพวกเราด้วยว่า “DON’T BE STUPID” นับว่าเป็นการต้อนรับได้ดีมากค่ะ!!! คือได้ยินแล้วกะว่าจะขอคุยกับผู้จัดการเขาหน่อย แต่ทราบภายหลังว่า ตาคนที่พูดนี่แหล่ะค่ะ เป็นผู้จัดการของบริษัททัวร์ฯ แต่เขาเป็นชาวฟิลิปินส์ ชื่อ Tony และอีเมล์ขอโทษจากคุณ Tony คือ เขาเป็นคนดี แต่กำลังหิวข้าว คนก็เยอะ เลยพูดจาไม่ดี แถมยังมีประโยคย้ำว่า ปกติเขาเป็นคนดีแต่พวกเรามาเจอเขาผิดเวลาเท่านั้นเอง แล้วมันฟังขึ้นไหมค่ะ แล้วนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติฯท่านอื่นจะทราบไหม? ว่าเขาไม่ใช่คนไทย เพราะคนไทยไม่มีทางด่านักท่องเที่ยวออกโทรโข่งแบบนั้นให้เสียชื่อเสียงการท่องเที่ยวฯ แน่นอน!!! เสียดายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวต้องมาด่างด้อยเพราะแรงงานต่างชาติ…

แม้แต่ตอนก่อนจะขึ้นเรือนายโทนี่ก็จัดเต็ม พูดดุว่าให้นักท่องเที่ยวตั้งใจฟังเขาคนเดียว สีหน้าแต่ละคนเหมือนขอมาฟรี พวกเราก็เกือบเดินหนี และไม่ร่วมทัวร์ด้วยแล้ว เสียความรู้สึกจริงๆ เล่าสู่กันฟังเฉยๆ เพื่อเขาจะปรับปรุงการให้บริการและเป็นแถลงข่าว ว่าเขาไม่ใช่คนไทย…

เวลาขึ้นเรือเสียที แต่ก็เรียกว่าเสียอารมณ์จนแทบกู่ไม่กลับแล้ว แม้ตอนตากล้องมาถ่ายรูปบนเรือ (รู้เลยว่าเดี๋ยวต้องขายจานพร้อมรูป) พวกเราก็ยังยิ้มไม่ออกอยู่ดี…นี่เป็นเพราะเสียดายตังค์นะคะ ถึงได้กัดฟันไปทัวร์วันนี้!


แต่เมื่อเริ่มออกเดินทาง ดูเหมือนทุกสิ่งก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกอย่างกับบริษัททัวร์นี้ เพราะลูกทัวร์และไกด์บนเรือต่างก็ให้บริการด้วยความตั้งใจ แถมเรียกว่า ภาษาอังกฤษเป๊ะมาก แต่ภาษาไทยพูดได้นิดหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเราเองค่ะ

เครื่องดื่มบนเรือ เสิร์ฟไม่อั้น ทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลม แถมยังมีบริการเสริม คือเตรียมยาแก้เมาเรือให้อีกด้วย ขอแนะนำว่า ถ้ารู้ตัวว่าเมาเรือให้รับประทานยาไปเลยค่ะ ทานแล้วไม่ได้ทำให้ง่วงนอน รีบทานตั้งแต่ก่อนขึ้นเรือ หรือว่าเริ่มขึ้นเรือเลยค่ะ เพราะถ้าเมาเรือแล้วทาน ยาจะไม่ได้ช่วยอะไร เพราะการเดินทางวันนี้ ค่อนข้างยาวไกล มองไปทางไหนก็เห็นแต่ฟ้ากับทะเลเรียบๆ แต่ที่ไหนได้ เห็นเรียบๆ แบบนี้ เรือเหินมากๆ ค่ะ หนุ่มๆ ออสเตรเลียที่ร่วมเดินทางกับพวกเราเมาเรือ จนแทบจะเรียกว่าอาเจียนหมดจะไส้หมดพุงเลยทีเดียว ทางไกด์ก็ช่วยได้ก็แต่แจกถุงดำให้…แต่พวกเรานี่สิ ต้องนั่งชื่นชมเขาอาเจียนเป็นถุงๆ !!!

ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงบนเรือกว่าจะมาถึง เกาะว่าว ซึ่งเป็นเกาะทางตอนเหนือของอุทยานฯ เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำตื้นที่ยังมีความสวยงามของธรรมชาติ และเป็นจุดดำน้ำตื้นจุดเดียวของทริปพวกเราในวันนี้

จริงๆ พวกเรามองเห็นปลาแม้ว่าจะอยุ่บนเรือ แต่ยิ่งดำน้ำลงไปก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่ามีฝูงปลาหลากสีสัน ขนาดพวกเราเป็นช่างภาพมือสมัครเล่น ยังได้ภาพสวยๆ น่ารักใต้น้ำมาตั้งหลายรูป

เรือหลายๆ ลำมาจอดให้นักท่องเที่ยวดำน้ำกันหนาแน่น ไปๆ มาๆ คนดำน้ำจะเยอะกว่าปลาแล้วค่ะ!!!

พวกเราได้ดำน้ำกันอย่างหนำใจถึง 1 ชั่วโมงเต็ม เรียกว่าคุ้มกับการนั่งเรือมาไกลเป็นชั่วโมงก็ตอนนี้แหล่ะค่ะ

ก่อนที่พวกเราจะไปกันต่อที่เกาะวัวตาหลับ ระหว่างทางผ่านเกาะรูปลิงค่ะ ดูคล้ายๆ เจ้าลิงแกะสลักจากลูกมะพร้าวของทางโรงแรม (ซึ่งมีขายในตลาดกลางคืน สนนราคาตัวละ 350 บาทค่ะ) ช่างประจวบเหมาะจริงๆ ที่เกาะนี้ดันมีรูปร่างเหมือนลิง ซึ่งเป็นถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสมุยด้วยค่ะ

ไม่เกิน 30 นาที ก็มาถึงเกาะวัวตาหลับ แล้วก็เป็นเวลาทานอาหารกลางวันพอดี ทางบริษัททัวร์จัดอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ท์ แต่มีเจ้าหน้าที่คอยตักไก่ทอดให้ (เอ่อ แล้วมันจะเป็นบุฟเฟ่ท์ตรงไหนค่ะ) คือเขานับจำนวนไก่ทอดมา แต่ก็พออิ่ม เพราะว่ามีผลไม้หวานเย็นตบท้ายให้ด้วย

แต่ขอบอกว่านั่นมันไม่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวเฉกเช่นพวกเราค่ะ ต้องขอเลย์อีกซอง โชคดีที่บนเกาะเขามีขนมทานเล่นขายด้วย สนนราคาเลย์ก็ราคาไม่ได้เลวร้ายค่ะ 50 บาท

บนเกาะนี่ เขามีห้องน้ำให้บริการด้วยค่ะ นอกจากนั้น เกาะวัวตาหลับยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากๆ เพราะว่ามีถังแยกขยะแล้ว ยังมิให้นักท่องเที่ยวนำอาหาร แม้แต่เครื่องดื่มขึ้นมาทานบนเกาะเอง ขนาดพวกเราต้องการดื่มน้ำอัดลม ไกด์ยังให้พวกเราไปดื่มบนเรือเลยค่ะ

ต่อจากอาหารมื้อกลางวัน หนังท้องตึงภาษาอังกฤษหย่อน เพราะเราถามไกด์ว่าทานข้าวแล้วทำอะไรต่อ? ไกด์ก็พยายามจะพูดว่า พักให้ย่อยก่อนแล้วไปพายคายัคต่อ แต่กว่าจะฟังไกด์พูดรู้เรื่องว่า อาหารก็ย่อยพอดี เริ่มสื่อภาษากันไม่ค่อยได้แหล่ะ…555

แต่ถึงกระนั้น เมื่อได้เวลาพายเรือคายัค ไกด์ก็สาธิตวิธีการพายเรือคายัค พร้อมทั้งแจกเสื้อชูชีพให้พวกเรา ถ้าใครไม่ใส่นี่เขามีตำรวจน้ำคอยตรวจตราดูตลอดนะคะ และทีมพวกเราพร้อมแล้วค่ะ!!!

จากหาดที่เกาะวัวตาหลับ เราจะพายคายัคอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย….?

คือพายตามไกด์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้ว่าเราพายอ้อมโขดหินมหิมา ไปยังหาดหน้าทับก็เล่นเอาเหนื่อยแทบตาย มันเป็นการพายคายัคแบบมาราธอนมากๆ ไม่ได้พายนิ่งๆ แบบกินลมชมวิว เลยค่ะ เหนื่อยแต่ก็ได้ได้ใจถือว่าเป็นการทดสอบสมรรถภาพ

หาดหน้าทับก็ถือเป็นหาดที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และคงไว้ซึ่งความธรรมชาติ เพราะไม่ปล่อยให้มีร้านค้า หรือทำกิจการใดๆ บนเกาะแห่งนี้ มาถึงเกาะ เราก็ปล่อยผู้ชายๆ เล่นน้ำกันไปชิวๆ

ส่วนเราผู้หญิงๆ ก็ถ่ายรูปกันชายหาดแบบเบาๆ …

พายคายัคกลับไปยังชายหาดเดิม คราวนี้เหนื่อยกว่าที่คิด เพราะว่า โต้กับกระแสคลื่น รู้สึกเหมือนพายอยู่กับที่ …กลับขึ้นเรือ พร้อมที่จะไปต่อกันที่ หาดแม่เกาะ บนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองฯ

ใช้เวลาเดินทางจากเกาะวัวตาหลับมาที่นี่ ประมาณ 20 นาที เมื่อถึงแล้ว ก็ขึ้นไปยังจุดชมวิว ที่มีความสูงประมาณ 400 เมตร ตอนเดินขึ้น ขอแนะนำ ว่าอย่าสวมรองเท้าแตะ เพราะว่ามันหลุดง่าย ล่วงลงไปข้างล่าง ไม่มีหวังจะได้เก็บกับมาเหมือนเดิม ของใช้ส่วนตัวก็ต้องระวัง โดยเพราะโทรศัพท์มือถือ ถึงจะเป็นมือถืออันชาญฉลาด แต่ก็ตกร่องได้เหมือนกันค่ะ

ขึ้นมาถึงจุดชมวิว ที่สามารถชมวิวรอบๆ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองได้ถึง 360 องศา แถมยังลงไปชม “ทะเลใน” ทะเลสาปใจกลางหุบเขา ที่เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand ได้อีกด้วย

ทัวร์อุทยานหมู่เกาะอ่างทองมีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม โดยชาวต่างชาติท่านละ 200 บาท สำหรับคนไทยคนละ 40 บาทค่ะ

หลังจากเยี่ยมชมอุทยานหมู่เกาะอ่างทองฯ แล้วก็เป็นอันว่าจบทัวร์วันนี้ค่ะ

ถ้าถามว่าทัวร์วันนี้คุ้มไหม? ตอบได้เลยค่ะว่าคุ้ม เพราะว่าทะเลอ่าวไทยสวยไม่แพ้ทะเลอ่าวอันดามันเลย เพียงแต่ระยะทางไกลไปนิด แต่ยิ่งไกลออกจากฝั่งไปเท่าไร ความสวยงามและเป็นธรรมชาติก็ยังมีมากขึ้นเท่านั้น ขากลับนั่งเรือสปีดโบ้ทยิงยาวเกือบๆสองชั่วโมงกว่าจะถึงเกาะสมุย แถมขนาดนั่งอยู่ในเรือ แม้ว่าฝนก็ไม่ตกแต่พวกเราเปียกหมดเลยค่ะ บอกแล้วว่าคลื่นเขาเรียบแต่แรงจริง กลับมาถึงฝั่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ เขามีรูปพวกเราบนจานขายด้วยค่ะ สนนราคาจานละ 200 บาท

ทริปนี้อะไรๆ ดีหมด เสียอย่างเดียวที่คุณโทนี่…

หากสนใจทริปแบบนี้ สามารถติดต่อ พี่บีคนสวยได้ที่ www.ilovekohsamui.com หรือติดต่อ หรือ ตามเฟสบุคพวกเราได้ที่นี่ somethingjam.com พร้อมที่จะให้คำปรึกษาค่ะ 🙂

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *