9 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในปีแรกที่ย้ายมารัฐหลุยเซียน่า!

เพราะว่าอะไรที่ไม่น่าจะเกิด ก็ดันเกิดขึ้นกับเราในปีแรกปีเดียวที่ย้ายมาที่นี่
English Version

1: จรเข้ สายพันธ์ alligator 

ถ้าคิดจะย้ายมาอยู่รัฐหลุยเซียน่าแล้ว ก็เตรียมทำใจไว้เลยค่ะ ว่าที่นี่มีประชากรจรเข้ที่อาศัยกันเองตามแหล่งน้ำทั่วไปถึงประมาณ 2ล้านต้ว และยังมีกว่าสามแสนตัวที่ลงทะเบียนไว้อยู่ในฟาร์มเลี้ยง
บ้านของพวกเราอยู่ติดกับทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 11 ของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเห็นพี่เข้มาว่ายน้ำวนเวียนในแหล่งอาศัยของผู้คน โดยเฉพาะในหมู่บ้านของเรา

คลองหลังบ้านเราจะเป็นคลองที่เชื่อมกันยาวจรดออกไปถึงทะเลสาป เมื่อย้ายมาจากไทย พวกเราก็ต่อเติมบ้าน ซื้อรถ และก็ซื้อเรือทันที ทิมมักจะชื่นชอบการล่องเรือชมสายน้ำ พวกเรามักจะเอาเรือออกตอนเย็นๆ (ซึ่งเราก็นั่งไปเป็นเพื่อนแบบมึนๆ ว่าพามาดูอะไรอ่ะ มาทุกวันก็เหมือนเดิม!)

แต่เย็นวันหนึ่งในเดือนกรกฎาคม ขณะที่กำลังล่องเรือกลับบ้าน จู่ๆ ก็เห็นน้องเข้ ว่ายตัดหน้าเรือของพวกเรา !!!

และนั่นเป็นจรเข้ตัวแรกที่พวกเราเห็นในคลองแถวบ้านเรา แต่ก็ยังไกลบ้านเรากว่ากิโลเมตร

ตั้งแต่นั้นเราก็เชื่อว่า ใต้น้ำแถวบ้านเรานั้นเต็มไปด้วยจรเข้ เพื่อนบ้านก็ต่างโพสกันว่าเจอจรเข้ว่ายๆวนเวียนเกือบทุกคลอง แต่ทิมบอกว่า ไม่มีทางที่มันจะมาว่ายที่หลังบ้านเรา เพราะบ้านเราอยู่ท้ายคลองและเป็นทางตัน มันมาไม่ถึงแน่ๆ

ทิมกับหลานๆ หรือแม้แต่เพื่อนบ้าน ยังคงว่ายน้ำเล่นที่คลองหลังบ้าน ราวกับว่าตัวเองนั้นเป็นไกรทองกลับชาติมาเกิด แต่เราไม่ยอมเป็นตะเภาแก้วหรือตะเภาทองหรอก เราขออยู่อย่างปลอดภัยบนบก

แต่…คืนวันนึง ทิมวิ่งหน้าตาตื่นมาตามเราในบ้าน แจม! มานี่เร็ว เอากล้องมาด้วย!

เราวิ่งตามออกไปพร้อมกับไอโฟน โอ้ว แม่เจ้า นี่น้องเข้ตัวกำลังโต ยาวประมาณ 1เมตร มาว่ายน้ำเล่นที่ท่าน้ำบ้านเราเลยเหรอเนี่ย???


ถ่ายรูปก็แล้ว อะไรก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าน้องเข้จะเกรงกลัวคนอย่างที่ทิมเคยบอก ว่าจรเข้ที่นี่จะกลัวคน!  เขาว่าคนชอบให้อาหารจรเข้กันมากขึ้น ตอนนี้ จรเข้เวลาเห็นคนก็เลยว่ายเข้าหา เพราะคิดว่า พวกเราจะให้อาหาร

น้องเข้ลอยตัวเล่นน้ำหลังบ้านเราจนพวกเราถ่ายรูปไม่ไหว เพราะง่วงนอน

ตอนเช้า ทิมเดินวนตามสวนหลังบ้าน เพื่อตรวจเช็คว่า น้องเข้ไม่ได้ซุ่มอยู่ตามพุ่มไม้ คอยดักกินเจ้าหมาจัมไมของพวกเรา

เห็นไหม ทิมอยู่นี่มากว่า 20 ปี ไม่เคยเจอ ไม่เคยคิดว่า จรเข้จะมาถึงคลองหลังบ้าน แต่มันมา มาตอนปีแรกของเราเลย!


2: พายุเฮอริเคน 

ถ้าเป็นที่ไทยก็คงเรียกว่า ไต้ฝุ่น แต่ถ้าเป็นที่อเมริกาฯ ก็เรียกว่า เฮอริเคน มันเหมือนกันค่ะ แต่ว่ามันเกิดกันคนละคาบมหาสมุทรฯ เขาเลยเรียกต่างกัน

และนี่คือความสามารถพิเศษอีกอย่างของการใช้ชีวิตที่หลุยเซียน่าที่เราจะต้องมี ก็คือ เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับเฮอริเคนในช่วงเดือน มิถุนายน – ตุลาคมของทุกปี (โดยเฉพาะปลายๆ เดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะรุนแรงมาก) เพราะที่นี่มีเฮอริเคนเยอะมาก เยอะจน มีเครื่องดื่มคอกเทลประจำเมืองชื่อ เฮอริเคน

โดยเฉพาะปีนี้ 2560 เป็นปีที่สหรัฐอเมริกามีพายุเฮอริเคนมากที่สุดตั้งแต่ปี 2548 และมีถึงห้าลูกที่วนเวียนใกล้บ้านเรามาก!

– ซินดี้ Cindy (June 22), ซินดี้มาแบบเบาๆ แต่เป็นเฮอริเคนลูกแรกที่เราเจอ และเราอยู่บ้านคนเดียว เลยทำตัวไม่ถูก เพราะมาทั้งลมทั้งฝน ตอนเช้าตื่นมาน้ำขึ้นมาท่วมเต็มท่าน้ำบ้านเราหมดเลย

– ฮาร์วี่ Harvey (Late August), เจ้าฮาร์วี่นี่มาแรงมาก ที่โดนจังๆ คือเมืองฮูสตั้น ซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านเรามาก (ขับรถประมาณ 6-7 ชม) ฮาร์วี่นี่เป็นข่าวดังมาก เพราะยาวนานกว่าสองอาทิตย์ แต่เราโดนเฉียดๆ แค่ฝนตกตลอด และน้ำขึ้น

– เออร์มา Irma (September 10), เออร์มา ก็แรงพอๆ กับฮาร์วี่ แต่มาทางด้านฟอร์ริดา ซึ่งก็ไม่ห่างจากบ้านเรามาก ช่วงนี้เราจะเห็นรถป้ายทะเบียนฟลอริด้าขับผ่านบ้านเราเต็มไปหมด เพราะเขาสั่งให้คนที่ฟลอริด้าอพยพ เขาก็อพยพมาทางบ้านเรากัน

– มาเรีย Maria, (September 16 – September 30) หลังจากฮาร์วี่ถล่มเมืองทางซ้าย เออร์มาถล่มเมืองทางขวาของเราไปแล้ว มาเรียนี่มาตรงเข้าเมืองเราเลย โดยเป็นเฮอริเคนลูกแรกที่ทิมเริ่มเป็นห่วงเรา โทรมาบอกให้เราเตรียมตัว ช่วงนั้นจำได้ว่าเราแต่งตัวเข้านอนทุกคืนด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตลอด คิดว่าถ้าเขาประกาศให้อพยพก็กระโดดขึ้นรถแล้วขับออกมาเลย แต่ว่าเหมือนเราจะโชคดี จู่ๆ มาเรียก็อ่อนกำลังลง ทิ้งไว้แค่ความทรงจำว่านี่อาจจะเป็นเฮอริเคนอีกลูกที่สามารถพัดบ้านเราได้ทั้งหลัง

เราคงโชคดีจริงๆ เพราะเราอยู่บ้านคนเดียวตลอดเลยเวลามีพายุมา

-เนท NATE (October 3), ตอนแรกเรานึกว่าเฮอริเคนจะหมดล่ะปีนี้ ไปๆ มาๆ มีหลงมาอีกลูกคือ เนท โดยนางพาฝนมาตกกระหน่ำตลอดอาทิตย์ และมันเป็นอาทิตย์ช่วงวันเกิดเราพอดี เลยไม่ได้ไปไหนเลย ติดฝนอยู่ในบ้าน เพราะเคยขับฝ่าฝนออกไป แทบจะร้องไห้บนรถ มันมองไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ น่ากลัวสุดๆ


แต่จะมีพายุกี่ลูกเราก็ห้ามธรรมชาติไม่ได้ ประเด็นคือ ทุกครั้งที่มีพายุ เราอยู่บ้านคนเดียว ทิมไปทำงานต่างประเทศ แล้วเวลาเขาเตือนว่าพายุจะเข้า เราต้องเก็บของนอกบ้านทั้งหมด เก้าอี้ทุกตัวที่ทิมซื้อมาเหมือนกับว่าเรามีกันอยู่ 10กว่าคนในบ้าน แล้วพอเขาประกาศว่าพายุไปแล้ว เราก็ต้องขนออกมาวางอีก!

เป็นไงล่ะ ปีแรกก็เจอไปห้าลูกเลย!


3: ใบสั่ง ขับรถเร็วเกินป้ายกำหนด! 

ฟังดูก็แค่ใบสั่ง ตอนอยู่ไทยก็ได้อยู่บ้าง แต่นี่เป็นใบแรกที่เราได้ที่อเมริกาฯ และโดนใบสั่งนี้ตั้งแต่ห้าร้อยเมตรแรกที่ขับออกจากบ้าน ตำรวจมาดักพอดี โดยป้ายจำกัดความเร็วในหมู่บ้านคือไม่เกิน 25 ไมล์ต่อชั่วโมง เราดันเร่งสปีดไปถึง 36ไมล์ ก็โดนสิค่ะ ตอนแรกก็เออ โดนก็โดน แต่พอไปเช็คค่าปรับ โดนค่าปรับไปเกือบหมื่นบาท! (300 เหรียญสหรัฐฯ!)

มันเจ็บใจตรงที่ โดนใบสั่งในหมู่บ้านนี่แหล่ะค่ะ!

แต่ตลกตรงตอนไปฝึกและสอบขับรถ ครูสอนขับรถบอกว่า เราขับรถช้าไป แต่พอได้ใบขับขี่ปุ๊บ เราก็โดนใบสั่งปั๊บ!


4: จัมไมหนีออกจากบ้าน!

ในหมู่บ้านมีป้ายประกาศว่า น้องหมา น้องแมว หายกันตลอด บางตัวก็หาเจอ บางตัวก็สูญหายไปเลย

เราก็ไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา ตอนที่เราอยู่บ้านคนเดียวกับเจ้าหมาจัมไม จู่ๆ นางก็ฉี่เรี่ยราด เราก็แค่ตะโกนดุ แล้วปล่อยให้ออกไปเดินฉี่อีกรอบนอกบ้าน แต่พอตะโกนเรียกให้กลับ นางก็ไม่ตอบสนอง ซึ่งปกตินางได้ยินเสียงจะวิ่งหางจุกก้นกลับมาหา เราก็นึกว่า งอน แต่ตะโกนหา เดินหายังไงก็ไม่เจอ

ตายล่ะ หรือว่าโดนจรเข้คาบไปแล้ว หรือว่าโดนนกเหยี่ยวคาบไปรับประทาน หรือว่า โดนหมาเพื่อนบ้านฟัดไปแล้ว

วิ่งไปหาเพื่อนบ้าน บ้านไหนก็ไม่มีใครอยู่บ้านเลย โทรหาทิม ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ทิมก็ได้แต่บอกว่า ทำป้ายแล้วไปติดหน้าบ้าน ว่า หมาหายก่อน

เกือบกว่าสองชั่วโมง ที่เราร้องไห้ รู้สึกผิด อุตส่าห์หอบหิ้วกันมาจากประเทศไทย หายไปไม่บอกลา ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง

สักพักเพื่อนบ้านที่เราสนิทกลับมาจากที่ทำงาน ชีก็ช่วยตามหา แต่ชีมีแอพฯเพื่อนบ้าน ก็เลยเปิดดูก่อนว่า เพื่อนบ้านโพสอะไรมั่ง พอเปิดปุ๊บเราก็เจอเพื่อนบ้านคนหนึ่งโพสว่าเจอหมา

โอ้ว นั่นมัน จัมไม หมารักของเรา 555

โดยในโพสนั้น มีใจความประหนึ่งว่า เจอกันโดยบังเอิญ เลย ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน เซลฟี่กันอย่างเริงร่า…

เราก็เลยตอบกลับไปว่า หมาเราเอง เขาก็เอาหมาจัมไมมาส่งคืนให้ถึงบ้าน

โหย นางหนีไปเที่ยวกับผู้ชาย ให้เราร้องไห้ตามหากว่าสองชั่วโมง!!!


5: สุริยุปราคา 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนี้มองเห็นได้เป็นระยะ 110 กม. ผ่านรัฐของสหรัฐอเมริกากว่าสิบสี่รัฐ ถือเป็น ที่สุดของปรากฎการณ์การเกิดสุริยุปราคาในอเมริกาเลยทีเดียว โดยหาพลาดครั้งนี้ไป เขาว่าต้องรออีกทีถึง 100 ปีข้างหน้า ซึ่งเราก็คงอยู่ไม่ถึงแน่ๆ

ถึงแม้ว่ารัฐหลุยเซียน่าของเราจะไม่ได้แนวที่จะเห็นสุริยุปราคาได้ชัดเจน แต่ท้องฟ้าก็มืดไปกว่าสิบนาทีเลย

เราเลยได้เป็นส่วนหนึ่งของชาวอเมริกันในการเห็นสุริยุปราคาในครั้งนี้ ในขณะที่ิทิมเป็นชาวอเมริกันแท้ๆ ยังต้องวีดีโอคอลเพื่อดูถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ครั้งนีี้กับเราผ่านมือถือ

โถ ทิม… ช่างเป็นฝรั่งที่พลาดเหตุการณ์สำคัญๆ ในประเทศตัวเองตลอด

Credit: https://apod.nasa.gov/apod/ap160821.html


6: ขโมยเข้าบ้าน? ปลัดตำรวจมาตรวจบ้านตอนตีสอง!

เพราะหน้าที่การงานของทิม ที่ทำให้เราต้องอยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ เลยต้องติดระบบความปลอดภัยในบ้าน และกว่าหนึ่งปีที่ระบบไม่เคยมีปัญหาเลย

แต่มีอยู่คืนหนึ่ง ตอนตีสอง เราอยู่บ้านคนเดียว ก็ต้องตกใจตื่นเพราะกริ่งระบบความปลอดภัยดังลั่นบ้าน มันดังมาก แล้วตื่นมางงๆ แต่ก็รู้ว่าต้องวิ่งไปปิดระบบความปลอดภัยก่อน

พอสักพักทางศูนย์ฯก็โทรมาถามว่าเราปลอดภัยดีไหม เราบอกว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ได้ยินเสียงประตูในโรงจอดรถดัง ไม่แน่ใจมีใครพยายามงัดประตูเข้ามาหรือเปล่า

ทางศูนย์ฯบอกว่า ตำรวจกำลังไปที่บ้านนะ ให้อยู่แต่ในบ้าน จากนั้นไม่ถึง10นาที ตำรวจก็มาเคาะประตูที่บ้าน ถามว่าเรา โอเคไหม? เราก็หน้าตาตื่นบอกว่า ไม่รู้แต่กลัวมาก ตำรวจสองนายก็เดินดูรอบๆ บ้าน หลังบ้าน ท่าน้ำนานพอควร (แต่ไม่เดินในบ้าน) สักพักเขาก็บอกว่า ปลอดภัยดี ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง

ตำรวจกลับไป แม้จะสบายใจไปเปาะนึง แต่ก็กลัวสิค่ะ โจรในหนังฝรั่งที่เราดูนั้น ไม่ได้เป็นโจรอย่างเดียวเป็นโรคจิตด้วย เราก็เปิดไฟทุกดวงในบ้าน แล้วก็เข้านอน ตอนแรกก็นอนไม่ค่อยหลับ แต่ด้วยความที่มันเพิ่งจะตีสองก็สลบหลับไปเอง

ตื่นอีกทีก็ตอนทิมสามารถโทรกลับมาหาได้ตอน 6 โมงเช้า เราก็เล่าไป ร้องไห้ไป ก็ลืมว่าคนไกลเขาจะเป็นห่วง แต่มันกลัวจริงๆ

สายๆ ทิมก็โทรเข้าบริษัทระบบความปลอดภัย ให้มาตรวจประตูในโรงจอดรถ สักพักเจ้าหน้าที่ก็เดินมาตรวจระบบให้ (ทำงานรวดเร็ว ดีมาก)

แต่พอมาตรวจ สรุปว่า ประตูในโรงจอดรถนั้น ตัวระบบที่ติดตั้ง ถ่านหมด!

อ้าว เรากลัวจนขนหัวลุก แหกขี้ตาตื่นตีสองแบบสยองเกล้า เพราะ ถ่านหมด?

ทิมก็บอกว่าเพิ่งรู้ว่าเราต้องคอยเช็คถ่าน…แหม แล้วดันหมดตอนตีสอง!!!

ปล. ในประเทศไทย ยังไม่สามารถหาคำจำกัดหน้าที่ของ Sherrif ได้อย่างเหมาะสม เพราะตำแหน่งนี้ ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่มีอำนาจหน้าที่เหมือนปลัดอำเภอฯ แต่เขามีกันหลายคน ไม่ได้มีแค่อำเภอละคน เหมือนในประเทศไทย และออกปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง  ในขณะที่เรารู้จักปลัดอำเภอเฉพาะงานตัดริบบิ้น หรือเวลาที่เราต้องไปเข้าพบปลัดอำเภอในออฟฟิศที่ท่านนั่งในห้องแอร์เท่านั้น  แต่ที่นี่เขาขับรถตะเวนดูแลประชากรตลอดเวลา และน่าประทับใจมาก มาถึงบ้านเราเร็วมาก ไม่ถึง 10นาที และมากันอย่างพร้อมปฏิบัติหน้าที่ด้วย


7: รถโดนขโมย?!?

พอย้ายกลับมาจากประเทศไทย เราก็ต้องซื้อรถใหม่ แม้ว่ารถฝรั่งไม่ติดป้ายแดงเวลาซื้อใหม่ แต่ก็เป็นรถคันแรกที่ใหม่ที่สุดในชีวิตเรา เราก็เลยรักและดูแลเป็นพิเศษ

เราไม่ค่อยขับรถไปไหน ถ้าอยู่บ้านคนเดียว เดือนหนึ่งเราเติมน้ำมันรถเต็มถังแค่ครั้งเดียว แต่พอวันเกิดที่เราต้องอยู่บ้านคนเดียว เราก็เลย เออขับรถไปเรียนโยคะฟลาย แล้วไปเดินช้อปปิ้งต่อในเมืองดีกว่า

เราก็ขับรถไปในเมืองปกติ แต่วันนี้ฝนตก เป็นช่วงเฮอริเคนเนทเข้าพอดี แต่เราไม่รู้ ยิ่งขับฝนก็ยิ่งตก แต่ถอยกลับไม่ได้ ก็ไปต่อเรื่อยๆ จนไปถึงที่จอดรถประจำ เพราะง่ายและไม่ไกลที่เรียนโยคะฟลาย พอจอดเสร็จก็ไปเรียนโยคะฟลายกว่าสองชั่วโมง

เรียนเสร็จ ฝนก็ยังตก ก็เลย เปลี่ยนใจไม่ไปช้อปปิ้งต่อ กลับบ้านดีกว่า เดินกลับไปที่ลานจอดรถ ปรากฎว่า รถไม่ได้อยู่ตรงที่จอดรถแล้ว?!?!

นี่รถเราถูกขโมยเหรอนี่? แล้วเราจะต้องทำยังไง โทรแจ้งตำรวจ หรือโทรหาทิม ?!? ยืนตากฝนไปก็คิดไปว่าจะทำยังไงดี

พอดีหันไปเห็นเบอร์โทรฯที่จอดรถ ก็เลยโทรไปตาม เขาก็บอกว่า เดี๋ยวเช็คกล้องวีดีโอให้ สักพักเขาก็บอกว่า อ้อ เขาลากรถมาเอง เพราะว่าเราจอดตรงที่เขามีคนจองประจำ

กรรม แล้วมันไม่มีใบแจ้งอะไรไว้ให้รู้เลย ตกใจแทบสิ้นสติ รถทั้งคัน!

ตอนแรกก็รู้สึก เออ เราผิดเอง ขับไปจอดตรงที่เขาจองไว้ให้ลูกค้าประจำ (ก็ฝนตกหนักมองไม่เห็นป้าย) แต่เขาลากรถเราไปจอดที่อู่ ซึ่งห่างจากจุดที่เราจอดไปกว่าสองกิโลเมตร เราต้องเรียกอูเบอร์ไปส่งให้ แล้วดันเจออูเบอร์จอมเหนียว รับลูกค้าซ้อน มันก็อยากจะส่งเราเร็วๆ แต่อู่มันไม่มีที่อยู่ชัดเจน อูเบอร์กับเราก็มองไม่เห็น ขับวนแค่สองรอบ อูเบอร์ก็จะไล่เราออกจากรถ โชคดีที่มองเห็นที่อยู่ตัวเล็กๆ ไกลตอนมันไล่ลงจากรถพอดี

แถมไอ้คนที่ทำงานในอู่ก็มีคนเดียว แล้วก็คุยโทรศัพท์นานมาก คุยกับกินเฟรนซ์ฟรายไป ไม่สนใจว่าเรายืนรอ ทั้งที่เราต้องจ่ายตังค์ค่าปรับที่มันลากรถเรากว่า ห้าพันบาท เอาตังค์มาให้มันแท้ๆ แต่มันก็ทำเหมือนกับว่า ไม่แคร์ ไม่เห็นเรายืนตรงนั้น

เสียทั้งค่าจอด กว่าสามร้อยบาท เสียค่ารถลาก อีกกว่าห้าพันบาท ยังมาเสียเวลารอเขาอีก ถ้าเขาคืนรถเราดีๆ กว่านี้ เราจะว่าเราผิดเอง …แต่นี่ทำแบบนี้ เราเลยเขียนต้องแชร์ประสบการณ์ ว่าถ้าไปจอดรถตรงนี้จะโดนลากไปตรงนั้น แล้วจะเจอกับไอ้นี่ ซึ่งหลังจากโพสไปไม่ถึงเดือนก็มีคนเข้ามาอ่านกว่า 300 ครั้ง!

https://www.somethingjam.com/bad-parking-and-uber-experience-in-new-orleans


8: หิมะตก? 

หิมะครั้งแรกในชีิวิตเราคือที่รัฐแมรีแลนด์ เมื่อปี 2006 ตอนเป็น au pair ตอนแรกก็ตื่นเต้น แต่รัฐแมรีแลนด์เป็นรัฐที่เวลาหิมะตก ก็คือตกจริงๆ ตกนานเป็นเดือนๆ ตกจนเรารำคาญและทรมาน ต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆ ในบ้านก็เปิดฮีทเตอร์บางที่ก็อุ่น บางทีก็ร้อนเกิน

สรุป ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากอยู่ที่ที่มีหิมะตกตลอดหน้าหนาวแบบนี้

แต่ที่นี่ ที่รัฐหลุยเซียน่า เป็นรัฐทางใต้ของอเมริกาฯ เวลาร้อนจะร้อนกว่าบ้านเรา เวลาฝนตกก็จะตกเยอะกว่าบ้านเรา และเวลาหนาว ก็จะหนาวกว่าบ้านเรา แต่…ไม่มีหิมะ

หรืออาจจะมี แต่ก็นานๆ ที และปีนี้ก็เป็นปีหนึ่งที่หิมะตกที่นี่

 

ทิม ผู้พลาดเหตุการณ์ดีๆที่บ้านตัวเองตลอด ครั้งนี้ก็พลาดเห็นหิมะตกที่บ้านเช่นกัน แต่ทิมบอกเราว่า ถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆนะ ปกติแล้วหิมะไม่ตกที่นี่

นึกว่าจะมีแค่เราที่ออกไปถ่ายรูปแล้ว เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ก็ต่างออกมายืนดูหิมะตก และถ่ายรูปเช่นกัน เราได้ยินเสียงเด็กๆ กรี๊ดร้องเล่นหิมะกัน ไม่ต่างกับเด็กไทยที่ตื่นเต้นเห็นหิมะเลย

ก็บอกแล้ว ว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่หิมะจะตกที่นี่ ไม่ใช่เราที่ตื่นเต้น คนทั้งเมืองที่นี่ก็ตื่นเต้น เห็นได้จากโพสรูปหิมะบนเฟสบุคกันทั่ว

ลองคิดดู ถ้าหิมะตกในเมืองไทย จะตื่นเต้นแค่ไหน ที่นี่ก็คงเช่นกัน


 9. เกือบหนาวตายที่หลุยเซียน่า?!?

แค่บอกว่ารัฐนี้มีหิมะตกก็แทบจะไม่มีใครเชื่อแล้ว  แต่นี่อากาศติดลบไปถึง 9 องศาเซลเซียส!  (ก็ตอนหิมะตกยังไม่ถึงขนาดติดลบเท่านี้เลย)

พลเมืองของที่นี่จะได้รับแจ้งว่า จะเกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Hard Freeze ช่วงวันที่ 17-18 ม.ค 2561 โชคดีที่กรมอุตุฯ เขาแม่น เราอยู่บ้านคนเดียวเลยเตรียมน้ำเตรียมอาหารพร้อม!

ก็คิดว่าแค่หนาว ก็ไม่ต้องออกไปไหน อยู่ในบ้านก็มีฮีทเตอร์ สบายๆ แต่พอเริ่มเข้าถึงวันเวลาที่เขาบอก ท้องฟ้าก็เริ่มมืด มีฝนตกมาเบาๆ แต่ด้วยความที่หนาวมาก ฝนก็กลายเป็นน้ำแข็ง ไม่เหมือนตอนหิมะตก เหมือนน้ำแข็งไสตกลงมาจากฟ้ามากกว่า

ก็เข้านอนตามปกติ…แต่พอตื่นนอนอีกวัน ก็เห็นเพื่อนบ้านโพสบนแอปเพื่อนบ้านว่า ไฟฟ้าดับๆ ติดๆ ซึ่งบ้านเราก็ดับๆ ติดๆ เช่นกัน คิดว่ามีปัญหาเรื่องไฟฟ้ากันทั้งหมู่บ้าน แต่ก็แค่แป่บๆ ไม่มีปัญหาอะไร

จนเราจะเปิดน้ำล้างจาน ก็รู้ว่าน้ำไม่ไหล ก็นึกว่าเพื่อนบ้านน่าจะมีปัญหาเหมือนกัน แต่พอเดินออกไปถามเพื่อนบ้าน ปรากฎว่าไม่มีใครมีปัญหาเรื่องน้ำปะปาเลย ก็เลยโทรฯหาคุณทิมซึ่งกำลังทำงานอยู่ที่แท่นเจาะฯ แกก็บอกว่า ก็อกน้ำหลักของเราอยู่นอกบ้าน ไม่เหมือนบ้านอื่น เขาจะอยู่ในโรงจอดรถกัน ซึ่งคุณทิมก็คิดว่าน้ำแข็งน่าจะแข็งเกาะก๊อกน้ำจนน้ำไหลไม่ได้

คุณทิมบอกว่าให้เอาน้ำร้อนไปราดบนหัวก๊อก ให้น้ำแข็งละลาย  ซึ่งก็ได้ผล น้ำไหล แต่พอไหลแล้ว ก็ไปทำให้น้ำแข็งที่แข็งอัดแน่นในตัวถังกรองน้ำแตก… คราวนี้แหล่ะคงต้องเรียกช่างมาซ่อมล่ะ

ช่างก็ติดงานยาวเลย เพราะเขาบอกว่า มีปัญหากันแบบนี้หลายหลัง เราต้องจ่ายให้มาซ่อมเวลาพิเศษ ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายไปอีก 3000 บาท ส่วนถังกรองน้ำที่แตกต้องสั่งซื้อใหม่ และค่อยให้ช่างมาติดตั้งอีกครั้ง

สองคืนที่อากาศข้างนอกหนาวติดลบเยอะขนาดนี้ ใครๆ ก็ว่าไม่เคยหนาวขนาดนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 โน้น

ช่วง 2-3 วันนี้ก็จะมีข่าวที่เกิดจากอากาศที่หนาวจนน้ำแข็งจับนี้มากมาย เช่น ถนนหลายสายปิด เพราะมีน้ำแข็งปกคลุม โรงเรียนปิด ท่อน้ำบางเมืองไม่สามารถจ่ายน้ำได้ รัฐบาลออกประกาศเรื่องต้มน้ำก่อนบริโภคฯลฯ คือมันมีปัญหาแปลกๆเกิดขึ้นและเขาไม่ได้เตรียมที่จะรับมือ เพราะเมืองนี้ไม่ใช่เมืองหนาว…

คุณทิมก็ทั้งตลกและทัั้งสงสาร ที่เหตุการณ์อันไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้นตอนที่เราอยู่บ้านคนเดียว แกก็พูดซ้ำๆ ว่า มันไม่เคยเกิดจริงๆ นะแจม!

แล้วไงค่ะ…

มันต้องมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ ตอนเราอยู่บ้านคนเดียวเนี่ย???!!!!


หนึ่งปีเต็มๆ ในปีแรกที่ย้ายจากไทยมาอยู่ที่นี่ หกเดือนที่อยู่บ้านคนเดียว และหกเดือนที่ทิมกลับมาอยู่บ้านด้วย เป็นแบบนี้สลับกันไปทุกเดือน มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ให้ผจญและแก้ปัญหาเองตลอด แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll Up