3/3 เกาะเชจู วันที่3

วันนี้วันสุดท้ายของเกาะเชจู เริ่มจากทัวร์ดำน้ำ,  ถ้ำที่เกิดจากลาวา(Manjanggul ), เขาซองซาน (Seongsan Ilchulbong) ,หมู่บ้านวัฒนธรรม (Seongeup Folk Village) มื้อเย็นที่ร้านเบอร์เกอร์ Wave

(English)
เริ่มที่ทัวร์แรกของเรา (1) ทัวร์ดำน้ำ (Haenyeo Experience) ทัวร์นี้เราเข้าใจผิดไปนิดหนึ่ง นึกว่าเราจะได้ไปดำน้ำกับเหล่าแฮนยอ (해녀 Haenyeo) ตัวจริง แต่ที่ไหนได้ เป็นทัวร์ดำน้ำแบบทั่วไป แต่แต่งตัวหรือถือตะกร้าเหมือนชาวเชจู แต่ก็ดีไปอีกแบบ เพราะถ้าไม่ได้ซื้อทัวร์นี้เราก็แทบจะไม่ได้แตะน้ำที่เกาะเชจูเลย

จุดที่ดำน้ำนี้อยู่ใกล้กับสนามบิน รอบเวลาที่เราเลือกคือ 11โมงเช้า (เขามีหลายรอบ) โดยเขาจะมีคนคอยดูแลเรา ค่อนข้างปลอดภัยแม้ว่า การบรรยายทั้งหมดเป็นภาษาเกาหลี แต่เขาก็พูดภาษาอังกฤษบ้างเท่าที่จำเป็น ซึ่งทางทัวร์เขาก็มีอุปกรณ์ให้ครบเลย เราแค่ใส่ชุดว่ายน้ำไปก็พอ

โดยรวมเขาก็จะพาไปจับสัตว์น้ำที่ปกติชาวพื้นเมืองที่นี่จับทานกัน เช่นปลาหมึก หอย ฯลฯ แต่ปกตินักท่องเที่ยวก็จะจับไม่ค่อยได้ คนที่เป็นไกด์ดำน้ำจะจับขึ้นมาให้ และให้ผลัดกันถือถ่ายรูป (ดูๆไป แอบโหดเหมือนกัน ปลาหมึกไม่กี่ตัว แต่ผลัดกันถือหลายรอบเลย)

คุณทิม ซึ่งเป็นคนดำน้ำเก่ง แต่สงสารปลาหมึก แกเลยไม่ยอมจับ…จิตใจดีงามกว่าหญิงเช่นเรา!

วันนี้อากาศร้อนเลยแหล่ะ แหวกว่าย ดำน้ำเล่นไปมากันเกือบชั่วโมง เราก็รีบขึ้น เพื่อชิงไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีจะขึ้นมา เรียกว่า ถ้าจะเลิกเมื่อไรก็เลิกได้ แค่ไปกระซิบบอกไกด์ดำน้ำ เขาจะได้รู้ว่าเราเดินกลับแล้ว (ไม่ใช่จมน้ำหายไป)

ขึ้นมาจากน้ำก็แอบมึนๆ กัน เพราะอากาศร้อน แถมใส่ชุดดำน้ำเข้าไปอีก จริงๆ ปกติ ใส่แค่ชุดว่ายน้ำก็พอ

คนอื่นๆ อยู่ทานปลาหมึก ที่จับกันมาได้กัน แต่เราไม่ได้อยู่ทานกับเขา…

ทัวร์นี้มีค่าใช้จ่ายคนละ 35,000 วอน (หรือประมาณคนละ 1000บาท) สามารถจองได้ที่ https://m.booking.naver.com/แต่เป็นภาษาเกาหลีนะคะ

(อ่านต่อ ทัวร์ดำน้ำกับ แฮนยอ ที่เกาะเชจู)



จากนี้ขับรถยาวไปเที่ยวถ้ำกันค่ะ (2) ถ้ำ Manjanggul เป็นถ้ำที่เกิดจากป่องลาวาที่มีความกว้าง 23เมตร สูง30เมตร และยาวเกือบ 9กม แต่เขาเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินได้ 1กม เท่านั้น

ทางเดินในถ้ำค่อนข้างมืด  เพราะเขาติดไฟสว่างแค่ให้มองเห็นทางเดินเท่านั้น น่าเสียดาย มองไม่ค่อยเห็นลาวาหรือผนังถ้ำเลย (อาจจะต้องนำไฟฉายไปเอง หากต้องการชมความงามของผนังถ้ำตามธรรมชาติ)

อุณหภูมิภายในถ้ำค่อนข้างต่ำ โดยจะอยู่ที่ประมาณ 13-14องศาเซลเซียส

ทางเดินในถ้ำ  เขาค่อนข้างปล่อยให้เป็นแบบธรรมชาติมากที่สุด ทางเดินค่อนข้างขรุขระ และเปียกแฉะเพราะมีน้ำหยดจากผนังถ้ำตลอด

มีเพียงไม่กี่จุดที่ทำเป็นสะพานไม้ให้เดิน ดังนั้นต้องสวมใส่รองเท้าที่เดินสบายหน่อย (อาจจะเดินสะดุดหินได้ง่ายด้วย)

เดิน ไป-กลับในถ้ำ พวกเราใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที และมีค่าเข้าถ้ำ คนละ 4000วอน (หรือ 120 บาท ต่อคน)


จากถ้ำเราไปต่อที่ (3) ยอดเขาแห่งรุ่งอรุณ (Seongsan Ilchulbong Peak)


แต่เรามาถึงประมาณเกือบๆ บ่ายสี่โมงเย็น ซึ่งจริงๆ เราอยากมาที่นี่เพื่อดูเหล่าแฮนยอ แต่เขามีโชว์ตอน บ่าย1.30โมง กับ บ่าย3 โมง เท่านั้น…


นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปถึงยอดเขาด้านบนได้เลย แต่มีค่าขึ้นเขาคนละ 5000วอน (แต่ถ้าจะเดินชมด้านล่าง กับบ้านแฮนยอ ไม่ต้องเสียเงิน)

ยอดเขาแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ แล้วมีฟองยักษ์พุดขึ้นมาจากทะเล แล้วฟองด้านบนแตกออกเมื่อเจออากาศ ทำให้เขามีลักษณะเป็นเหมือนแอ่งด้านบน

พวกเราไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเขา (แอบเสียดาย) แต่ก็เดินเล่นรอบๆ ด้านล่าง อันนี้ก็เสียดายอีก ที่ไม่ได้มาตอนที่เหล่าแฮนยอมาดำน้ำให้ดู ซึ่งแฮนยอจะจับสัตว์น้ำที่จับมาได้ มาขายที่ตรงนี้ด้วยค่ะ

จริงๆ บริเวณนี้ก็น่ามาพักเหมือนกัน มีร้านค้า และใกล้สถานท่องเที่ยวทางธรรมชาติเยอะดี อยากมาอีกทีแล้วมาพักที่นี่ ตอนเช้าก็ตื่นไปปีนเขา…


แต่เราวางแผนจะต่อที่ (4) หมู่บ้านวัฒนธรรม (Seongeup Folk Village) ก็เลยไม่ได้เดินขี้นไปที่ยอดเขา…

จริงๆ ถ้าหากเราเริ่มดำน้ำรอบเช้า คือเร็วขึ้นอีกนิด เราสามารถแว่ะ อุทยาน Hallasan ได้ (อุทยานนี้ เปิดถึง 5โมงเย็นเท่านั้น)  แต่หมู่บ้านวัฒนธรรมเปิด24ชั่วโมง

หมู่บ้านวัฒนธรรมฯ ภายในหมู่บ้าน มีบ้านที่สร้างด้วยหินลาวา และมีดินเหนียวปิดช่องว่าง มุงหลังคาด้วยหญ้าแฟก เพราะบนเกาะเชจูลายรอบด้วยทะเล การสร้างบ้านแบบนี้จะช่วยกันทั้งลมและฝน

จุดเด่นของที่นี่คือ ที่ประตูบ้าน จะมีช่อง 3 ช่องสำหรับไม้ขัด ถ้าหากมีม้ขัด1 ไม้ แปลว่า เจ้าของบ้านอยู่ไม่ไกล  หากมีไม้ขัด 2ไม้ แปลว่า เย็นๆ จะกลับ และหากมีไม้ขัด 3อันเลยแปลว่า จะกลับในวันรุ่งขึ้น

แต่หาก ไม่มีไม้ขัดหน้าบ้านเลย แปลว่าเจ้าของบ้าน อยู่บ้าน และยินดีต้อนรับผู้มาเยือน

ที่นี่ มีรูปปั้นโทฮารูบันที่ทำจากหินปูน เป็นรูปชายแก่ดูใจดี เป็นผู้พิทักษ์เกาะเชจู โดยถ้าหากอยากได้ลูกสาว ให้เอามือรูปที่หู หรืออยากได้ลูกชายให้เอามือลูบที่จมูก แต่ถ้าหากใคร อยากรวยให้เอามือรูปท้องของรูปปั้น

โดยถ้าสังเกตรูปปั้นทางด้านข้าง ก็จะรู้เองค่ะ ว่าเขาปั้นให้เหมือนอะไรของท่านผู้ชาย… จริงๆ เราก็พบเห็นรูปปั้นนี้ทั่วทั้งเกาะเชจูนั่นแหล่ะค่ะ…

หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมฟรีได้ตลอด แต่ในหมู่บ้านก็ยังมีบางบ้านคนพักอาศัยอยู่จริง ดังนั้นหากเข้ามาเที่ยวเขาก็ให้ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย และให้เกียรติเจ้าของบ้านรอบๆหมู่บ้านวัฒนธรรมด้วยค่ะ



จบทัวร์วันนี้ แบบหิว ๆ คุณทิมเรียกร้องที่จะทานแฮมเบอร์เกอร์ เราลองเปิดกูเกิ้ลหาดู ได้ (5) ร้าน Wave (웨이브) ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านวัฒนธรรมเพียง 9กม และเป็นทางขากลับโรงแรมเราพอดี

ซึ่งเป็นโซนที่มีร้านอาหารเยอะมาก ร้านหมูดำเกาหลี แถวนี้ก็น่าดูน่าสนใจ แต่เรามาที่ร้าน Wave ซี่งอยู่บนชั้นสาม (ตอนขับรถเข้ามา หาตึกยากหน่อย เพราะไม่ค่อยมีป้าย)

เราหาที่จอดรถไม่ยาก เดินขึ้นไปที่ชั้นสาม เมนูที่นี่เป็นภาษาเกาหลี แต่สามีของเจ้าของร้านเป็นชาว โมร็อคโค ซึ่งมาพูดแปลเป็นภาษาอังกฤษให้พวกเรา วันนี้ เราสั่งเบอร์เกอร์หมูบาร์บีคิว กับเบอร์เกอร์ไก่เผ็ด(ทอดกรอบ)

คุณทิมบอกว่า เบอร์เกอร์ที่นี่อร่อยมากที่สุดในเกาหลีใต้!

ใครมีโอกาสผ่านไปพอดี ก็เอาไว้ลองพิจารณาดูหากเบื่ออาหารพื้นเมืองก็สามารถลองเบอร์เกอร์ที่นี่ได้…

จบทัวร์วันที่ 3 ที่เกาะเชจู เราเดินทางกลับ ปูซานในวันต่อมา…

<< เกาะเชจูวันแรกที่มาถึง
<< เกาะเชจูวันที่สอง




About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *