สิงคโปร์



ช้อปปิ้ง  กรี๊ดสลบ แบบไม่ง้อทัวร์!!!

เดินทางวันที่ 2-6 ตุลาคม 2556

ถึงแม้ว่าเราจะเคยมาสิงคโปร์เมื่อปี 2551 ไปครั้งนึงแล้ว แต่แทบจะจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ เพราะถูกส่งมาทำงาน แต่คราวนี้เป็นทริปเต็มๆที่สิงคโปร์ และเป็นทริปที่มาเพื่อเที่ยวเพียวๆ ไม่ได้เกี่ยวกับทำงานเลย ขอบอกว่า สนุกจริงๆ

สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ ที่สะอาด ปลอดภัย และมีการจัดการที่ดีมากๆ และถ้าจะพิจารณาดูให้ดี ขนาดของเกาะสิงคโปร์ มีขนาดใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตของพวกเราแค่นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ทางเครื่องบิน ใช้เวลาประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง เรียกว่า ระยะทางใกล้เคียงพอๆ กับ กรุงเทพฯ ไปฮ่องกงเลยค่ะ แต่ก็แอบแปลกใจนิดหน่อยที่เวลาที่สิงคโปร์ จะเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 1 ชั่วโมง (แปลกตรงที่ ทำไมอยู่ข้างล่างประเทศไทย แต่เวลาไวกว่าเราเหมือนฮ่องกงเลย???)

อุณหภูมิเฉลี่ยก็คล้ายๆ กับบ้านเราเลยค่ะ อยู่ที่ประมาณ 23-32 องศาเซลเซียส

คนสิงคโปร์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักค่ะ มีเพียงคนรุ่นก่อนๆ ที่จะพูดภาษาดั้งเดิมตามเชื้อชาติเดิมของเขา เพราะสิงคโปร์ ประกอบไปด้วยประชากรคนจีน 74% คนมาเลย์ 13% และคนอินเดีย 10%
มิน่าคนถึงได้คิดว่าเราเป็นอินเดียตอนที่อยู่ที่โน่นค่ะ…

ทำไมต้องเมอร์ไลออน???
เรียกว่าถ้าพูดถึงสิงคโปร์ หรือนึกถึงสิงคโปร์ รูปเจ้าตัวครึ่งสิงห์โต ครึ่งปลา หรือทีชาวสิงคโปร์เรียกว่า “เมอร์ไลออน” ก็จะปรากฎขึ้นมาในใจทันที ก็เจ้าตัวเมอร์ไลอ้อน เคยเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศเขา ครั้นเมื่อตอนเขาค้นพบเกาะและตั้งชื่อเกาะใหม่ๆ รูปปั้นเจ้าตัวเมอร์ไลออนที่สิงคโปร์ก็จะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่จะต้องมาถ่ายรูป เพราะว่าถ้าถ่ายรูปกับเจ้าเมอร์ไลอ้อนก็ทำให้รู้ทันทีว่ามาเที่ยวสิงคโปร์ รูปปั้นเมอร์ไลอ้อนที่สิงคโปร์มีอยู่ 3 ตัวหลักๆ ค่ะ คือที่ มาริน่าเบย์, ถนนออชาร์ด และที่เกาะเซนโตซา สำหรับเราคราวนี้ไปเห็นมาแค่สองตัวที่มาริน่าเบย์ กับ ที่เกาะเซนโตซ่า

สิงคโปร์เป็นเมืองแห่งค่าปรับ…
เรียกว่า ไม่ว่าจะไปไหน หรือมองไปทางไหน ก็มีป้ายห้ามเต็มไปหมดทั้งเมือง แล้วไม่ใช่ป้ายห้ามธรรมดาๆ หรือแป่ะกันเล่นๆ นะคะ เพราะขนาดหมากฝรั่งเขายังห้ามค่ะ มิน่าล่ะ มองหาหมากฝรั่งตามร้านค้าไม่มี แถมเอาไปเองจากกรุงเทพฯ ก็ไม่กล้าเคี้ยวค่ะ เพราะว่าถ้าเคี้ยวหมากฝรั่งสุ่มสี่สุ่มห้า อาจจะโดนปรับได้ ว่ากันว่า คนที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งที่นี่ได้ ต้องมีใบสั่งจากแพทย์เท่านั้น! 

หรือแม้แต่ทุเรียน ที่คนสิงคโปร์ชอบนักชอบหนา แต่ก็ถูกห้ามไม่ให้นำทุเรียนขึ้นรถ หรือตัวอาคารที่เป็นส่วนรวม เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้าฯ ค่าปรับแต่ละอย่างก็ไม่ใช่เล่นๆ ถูกๆ นะคะ อย่าง สูบบุหรี่ หรือ ทิ้งขยะในที่สาธารณะ ปรับครั้งละ 1000 เหรียญสิงค์โปร์ คิดเป็นเงินไทย ก็ 25,000 บาท หรือประมาณ 870ดอลล่าร์ !!!


1ดอลล่าร์ สหรัฐฯ= 1.2ดอลล่าร์ สิงค์โปร์ = 25 บาท
*อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ตลอดทริปนี้


สิงค์โปร์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งคนไทย ถือพาสปอร์ตเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ต้องขอวิซ่านักท่องเที่ยวอีก แต่ถ้าหากต้องการพักอยู่อาศัยเป็นเวลานานๆ ต้องติดต่อสถาณฑูตเพื่อความแน่ใจก่อนเดินทางค่ะ

 
โรงแรมที่พักในทริปนี้ คือ Intercontinental ค่ะ – บอกได้คำเดียวว่า ชอบโรงแรมนี้มากๆ !!! เพราะว่าทางออกทางนึงของโรงแรม เชื่อมติดกับห้างฯ Bugis Junction ที่ไม่ไกลจากห้างฯ ก็เป็นถนนคนเดิน Bugis Street ที่ลักษณะร้านค้าคล้ายๆ กับ ตลาดนัดบ้านเราค่ะ แถมเดินไปอีกนิดก็เป็นวัดจีน วัดอินเดีย และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Bugis ที่อยู่ใต้ตัวอาคารห้างฯ Bugis Junction เรียกว่าสถานที่ตั้งของโรงแรมช่างสะดวกสบายต่อการเดินทาง และจับจ่ายซื้อของมากค่ะ
ราคาห้องพักในทริปนี้ คือ  275SD ต่อคืน (ไม่รวมอาหารเช้า) หรือประมาณ 230USD หรือคืนละ 6,875 บาทค่ะ ถ้าเทียบราคาห้องกับขนาดห้อง (ในสิงคโปร์) ถือว่าราคานี้เป็นราคาที่ไม่เลวร้ายค่ะ เพราะว่าครั้งแรกที่เรามาสิงคโปร์ พักที่โรงแรม River View ห้องเล็กกว่าที่ Intercontinental มาก แถมราคา ก็ถูกกว่าไม่เท่าไรค่ะ

นี่ถ้าได้มาสิงคโปร์อีกครั้ง ก็คงกลับมาพักที่นี่อีก หรือไม่ก็คงลองพักที่ Marina Bay Sands สักคืน!!!


สำหรับทริปนี้ ขาไปต้องใช้การบินของ Air Asia ซึ่งบินจาก สนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินChangi สนามบินเดียวของสิงคโปร์ ราคาค่าโดยสารขาเดียวคือ 3,700บาท แต่ขากลับเราบินกลับมากับ สายการบินไทยค่ะ  Thai Airways ราคาตั๋ว แพงกว่าเห็นๆ คือ 5,963.20 บาท สายการบินไทยบินลงที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ ที่ต้องเลือกบินไปสองสายการบิน เพราะติดเรื่องเวลาเดินทางนิดหนึ่งค่ะ แต่ถ้าบินไป-กลับ กับสายการบินใดสายการบินหนึ่งก็จะประหยัดค่าโดยสารกว่าค่ะ 

MRT – รถไฟฟ้าใต้ดิน
ระบบรถไฟฟ้าที่สิงค์โปร์ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งเกาะ เรียกว่าจะไปไหน ใกล้ ไกล ก็ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินกันนี่แหล่ะค่ะ สะอาดปลอดภัย คนพื้นที่บอกเราว่าราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินกับราคาค่าโดยสารรถเมล์ที่สิงค์โปร์ ราคาไม่ต่างกันค่ะ (แต่ถ้าขึ้นรถเมล์ ต้องเตรียมเงินให้พอดีกับค่าโดยสารนะคะ เพราะเขาไม่ทอนเงินค่ะ) ตลอดทริปของเรา ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินค่ะ โดยพวกเราซื้อบัตรโดยสาร ที่เรียกว่า EzLink (อีซี่ลิ้งค์) เติมเงินครั้งแรก 12เหรียญ อยู่มาได้อีกสองสามวัน เราเติมเงินอันอีก 10 เหรียญ ก็ยังเหลือ (และทิ้งไว้ให้แม่บ้านในโรงแรมใช้ต่อค่ะ)  บัตร EzLink ยังใช้ขึ้นรถ Monorail ไปเกาะเซนโตซ่า หรือ ยูนิเวอร์แซลฯ ได้ด้วยนะคะ

สถานีหลักๆ ที่ใช้เดินทางระหว่างทริป สามารถเช็คราคาค่าโดยสาร ได้ที่ http://www.smrt.com.sg/Trains/NetworkMap.aspx

และนี่คือทริป 5วัน 4คืน ของเราที่สิงค์โปร์ ถึงไม่ได้แบ่งตามวันเดินทางจริงๆ แต่ สามารถนำไปปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ค่ะ


เที่ยวแบบสบายๆ ที่ Marina Bay, Sentosa:
ถ้าจะมองหาที่เที่ยวแบบธรรมชาติ น้ำตก ป่าเขา ลำเนาไพร คงไม่ใช่ที่สิงคโปร์แน่ๆค่ะ เพราะที่เที่ยวในสิงค์โปร์หลักๆ จะเกี่ยวกับความอลังการของสถานที่ ตึกใหญ่ๆ หรืออย่างน้อยก็วิวรอบๆ อ่าวมารีน่าค่ะ โดยเฉพาะโรงแรม “มารีน่า เบย์ แซนด์ส” รีสอร์ทหรูที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เสียดายที่เราไม่ได้พักที่นี่ ก็เลยได้แต่ขึ้นไปชมวิวที่สกายปาร์ค ชั้น 56 ของโรงแรมเท่านั้น แต่บริเวณรอบๆอ่าวมารีน่า ก็เหมาะสำหรับทานอาหารมื้อค่ำเพราะได้ชมวิวรอบอ่าว และถ่ายรูปกับเมอร์ไลอ้อนแล้ว ตอนประมาณสามทุ่มจะมีการแสดงแสง สี เสียง จากโรงแรมมารีน่าเบย์แซนด์ส ให้ชมฟรีอีกด้วย

เกาะเซนโตซ่า Sentosa… จริงๆ จะไปเกาะนี้ตอนไป Universal Studios Singapore ก็ได้ค่ะ แต่ว่าเราถือโอกาสนั่งกระเช้าไฟฟ้าไปเดินเล่นๆ แบบ ไม่รีบร้อนที่เกาะนี้กันก่อน ที่นี่มี Merlion ตัวที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ เพราะสูงถึง 37 เมตร แถมนักท่องเที่ยวยังเดินเข้าในตัว Merlion และขึ้นไปชมวิวบนหัว หรือ ทางปากของเจ้าตัวไลอ้อนได้อีกด้วยค่ะ ที่นี่ยังมีเครื่องเล่น หรือสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายหลายอย่าง (อ่านต่อ…)


ตามรอยสักการะ วัดศักดิ์สิทธิ์ และแหล่งช้อปปิ้งในสิงคโปร์
ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ที่เราจะกล่าวรวมถึงวัดและแหล่งช้อปปิ้งไว้รวมกัน เพราะที่ใดมีวัดที่นั่นมีนักท่องเที่ยว และมีร้านค้าค่ะ
และเป็นเรื่องโชคดีที่โรงแรมที่พักของเราอยู่ที่ Bugis เพราะที่นี่ มีวัดจีนที่มีชื่อเสียงมาก ทั้งชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวชาวพุทธมีความเชื่อ และศรัทธาในองค์เจ้าแม่กวนอิม ณ วัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก ทำให้มีชาวพุทธมากราบไหว้ขอพร และเสี่ยงเซียมซีกันอย่างไม่ขาดสายค่ะ ถัดจากวัดจีน ก็ยังมีวัดฮินดู ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย อย่างสวยงาม บริเวณวัดทั้งสอง มีร้านค้ามากมาย โดยเฉพาะ Bugis Street ที่ขายสินค้า และของที่ระลึก เช่นเดียวกับ ไชน่าทาวน์ ที่มีวัดจีน และวัดอินเดีย (แต่จะใหญ่กว่าที่ Bugis) ไชน่าทาวน์ ที่ถือว่าเป็นตลาดนัดกลางคืนที่ได้รับความนิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวมากๆค่ะ

สิงคโปร์ มีร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้ามากมาย สำหรับนักช้อปปิ้งตัวยง คงไม่พลาดที่จะ ช้อปที่ Bugis Junction, Vivo City และห้าง Orchard! (อ่านต่อ…)


Universal Studios Singapore
แต่ถ้าหากมาสิงคโปร์แล้ว ไม่ไปสวนสนุก ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ก็เสียดายแย่ค่ะ เพราะที่นี่เป็น Universal Studio แห่งที่สองของเอเซีย (แห่งแรกอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น) ดังนั้น ก็คงเป็นแห่งเดียวที่ใกล้ประเทศไทยที่สุด แต่ถ้าหากจะตั้งใจเที่ยว Universal Studio Singapore แล้ว ควรมีเวลาอย่างน้อย 1 วันนะคะ


ถ้าหากให้เปรียบเทียบ Universal Studio Singapore กับ Disney Hong Kong ขอบอกตามอายุขัยว่า เครื่องเล่นที่นี่สนุกและมันกว่า เพราะว่าเหมาะกับเด็กโตมากกว่าเด็กเล็กๆ 
บัตรค่าเข้า ณ วันเดินทางคือ 74เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 1,850 บาทค่ะ ราคานี้ เข้าไปเล่นได้ทุกอย่างค่ะ (แต่ไม่เล่นอะไรเลย ก็ราคานี้ ราคาเดียว) บางเครื่องเล่น ต้องต่อแถวนาน สามารถใช้เงินซื้อเวลาได้ด้วยการ ซื้อตั๋วทางด่วนค่ะ (Express Ticket) ซื้อครั้งเดียวอีก 50 เหรียญสิงคโปร์ โดยสามารถเดินเข้าทางด่วน แบบไม่ต้องต่อแถว ได้ทุกเครื่องเล่นไวกว่าคนอื่นๆ แต่เครื่องเล่นละครั้งเดียวเท่านั้น

แต่ถ้าหากว่าไม่ได้ซื้อตั๋วทางด่วน และต้องต่อแถว อย่างน้อยไปต่อแถวรอเล่น 3D transformer’s ride กับ Mummy’s ride ให้ได้นะคะ ส่วน Water World การแสดงโชว์ที่พลาดไม่ได้เช่นกัน (ไม่ต้องใช้ตั๋วทางด่วน แต่ต้องเช็คเวลาโชว์ต่อวันให้ดีค่ะ เพราะพลาดแล้วพลาดเลย) (อ่านต่อ)


สรุปค่าใช้จ่ายเบื้องต้น (ต่อท่าน)…

ตั๋วเครื่องบิน จาก กรุงเทพฯ – สิงคโปร์
ขาไป สายการบินแอร์เอเซีย 3,700THB
ขากลับ สายการบินไทย 233.20SD (5,963.20 THB)
= 322USD หรือ 9,663.2 บาท
แท็กซี่ ไปกลับ สนามบิน – โรงแรม Intercontinenal
20SD + 18 SD = 38 SD
= 32USD หรือ 950 บาท
ค่าที่พัก โรงแรม Intercontinental (2-6 ตุลาคม)
คืนละ 275 SD/คืน/2 ท่าน
= 275 x 4 = 1,100SD/2 person
= 458USD หรือ 13,750 บาท เฉลี่ยต่อท่าน
ค่าบัตรโดยสาร รถไฟฟ้าตลอดทริป Ezlink 
22SD
= 18USD หรือ 550 บาท
ค่าขึ้นชม Sky Park ที่โรงแรม มารีน่า เบย์ แซนด์ส= 20SD = 16USD หรือ 500 บาท
ทริปไปเกาะ Sentosa:
ค่ากระเช้าไฟฟ้า ไปกลับ = 26SD
ขึ้นชม Merlion = 8SD
ขึ้น Sky tower = 15SD
= 40USD หรือ 1,225 บาท
ค่าเข้า Universal Studios Singapore:
ตั๋ว 74SD
ตั๋วทางด่วน 50SD
= 103USD หรือ 3,100 บาท
รวม = 1,184SD = 987USD  หรือ 24,666 บาท
*วัดที่สิงคโปร์ ไม่มีค่าเข้าชม

MORE DETAILS ON ALL THE DAY TRIPS COMING SOON!

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.