ประสบการณ์ 1,013 วันที่เกาหลี (2561-2563)

การได้ย้ายตามคุณสามีไปทำงานที่ ปูซาน และ เกาะกอเจ ในประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ทำให้ได้เรียนรู้และรู้จักเกาหลีใต้มากขึ้น แม้ไม่เป็นอย่างที่คิด แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งหนึ่งที่ดีมากๆ

เกาหลีใต้อยู่ไม่ไกลจากไทยเลย ถ้าบินตรงจากกรุงเทพฯ ไป เมืองโซล ก็แค่ 5ชม

  1. เมืองหลวงของเกาหลีใต้คือ เมืองโซล ซึ่งจริงๆเวลาฟังคนเกาหลีพูดแรกๆ จะงง เพราะเขาจะพูดว่า โซอุเร่ะ กันส่วนใหญ่ เพราะคำว่า โซลที่เราอ่านจากภาษาอังกฤษ จริงๆ แล้วภาษาเกาหลีมาจาก So-ul แล้วเวลาชาวเกาหลีพูดถึงสถานที่จะมีทำว่า เอะ ลงท้าย แต่เนื่องจากมีการพ้องเสียงจากตัวสะกด คำหน้า เราจึงมักได้ยินคนเกาหลี พูดว่า โซอุเร่ะ แทนคำว่า โซล
  2. เมืองปูซาน ที่เราไปอยู่สองปีแรก เป็นเมืองติดทะเล และหาดที่ดังที่สุดของปูซาน ก็คือ หาดแฮอุนเด  ซึ่งเราโชคดีมากที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับหาดแฮอุนแดตอนย้ายไปใหม่ๆ แต่ได้อยู่อพาร์ทเมนท์หน้าหาดแฮอุนแด พอดี และวิวจากหน้าต่างอพาร์ทเมนท์เราสวยมากๆ
  3. เกาหลีมี4ฤดู และแต่ละฤดู ก็สุดๆ ของฤดูนั้นจริงๆ เช่น ฤดูร้อน ก็ร้อนมาก คนที่บอกว่า เกาหลีหรือจะร้อนเท่าไทย คนที่พูดแบบนี้ ไม่เคยไปอยู่ที่เกาหลีครบ4ฤดูพูดไปก็เสียเวลาค่ะ ส่วนฤดูหนาว ก็หนาวมากๆ ในส่วนฤดูฝน ฝนก็ตกมากและมีพายุเช่นกัน(โดยเฉพาะเราที่อยู่ติดกับชายหาด) และในฤดูดอกไม้ผลิ ก็สวยมากๆ เช่นกัน เป็่นช่วงที่ดอกซากุระเกาหลีบานสะพรั่ง
  4. กิมจิ ทุกมื้อ (จริงๆ) เราว่าเราเข้าใจว่ากิมจิ น่าจะเหมือน พริกน้ำปลา ที่บ้านเรา เพราะต้องมีวางไว้ตลอดบนโต๊ะ แต่ที่แปลกสำหรับเราก็คือ เขามีตู้เย็นสำหรับใส่กิมจิเฉพาะขาย แล้ว เป็นตู้เย็นแบบใหญ่มากด้วย นอกจากกิมจิผักกาดที่เรารู้จัก ยังมีกิมจิหัวไชเท้า กิมจิใบงา ฯลฯ ซึ่งเราดีใจมากที่ได้มีโอกาสลองกิมจิหลายๆ อย่างที่นี่ นอกจากนั้นถ้าถึงหน้าทำกิมจิ ปีไหนโชคดีก็จะได้กิมจิจากครูชาวเกาหลี หรือ เพื่อนเกาหลีที่เขาทำให้ทานที่บ้าน คือกิมจิที่ทำเอง ยังไงก็อร่อยกว่าตามท้องตลาดแน่นอน อีกอย่างเพื่อนชาวเกาหลีบอกว่า กิมจิตามตลาดมักจะมีสีแดงเข้มและน่าจะเป็นกิมจิที่มาจากประเทศจีน…
  5. โซจู ความที่เราไม่ใช่สายดื่ม (แอลกอฮอล์) เราไม่ได้สนใจอะไรกับโซจูมาก แต่พอมาถึงมันเป็นเหมือนเหล้าขาว แล้ว คือเขาดื่มแทนน้ำเปล่ากันเลย ไม่ว่า ผู้ชายหรือผู้หญิง อายุแบบนักศึกษาถึงผู้สูงวัย ต้องมีกรึ๊บๆ โซจูเกือบทุกมื้อ แล้วโซจูราคาถูกมาก ขวดละไม่ถึงร้อยบาท แล้วหลังๆ ทำหลายรสมาก โซจูยังสามารถเอาไปผสมดื่มกับเครื่องดื่มอื่นๆ ได้อีก ที่นิยมมากก็คือ นำไปผสมกับเบียร์ แล้วเรียกว่า โซแมก (โซจู กับ แมกจู) แล้วลีลาการผสมนี่ต้องให้ชาวเกาหลีทำให้ดูด้วย!
  6. เบียร์ ที่เกาหลีเรียกว่า แมกจู และ เบียร์ดังๆ หรือ เบียร์ที่มีเสิร์ฟเกือบทุกร้านอาหารคือ เบียร์ Cass ซึ่งคนเกาหลีจะออกเสียง คาสซึ และเบียร์ Max ซึ่งคนเกาหลีจะออกเสียง แมกซึ ดังนั้นเวลาสั่งเบียร์เขาจะถามกลับว่า เราคาสซึ หรือ แมกซึ
  7. Korean BBQ มันคือดี ขนาดเราไม่ใช่สายหมูกะทะ เรายังตกหลุมรักอาหารปิ้งย่างของเกาหลี แต่ที่เกาหลี ร้านปิ้งย่างส่วนใหญ่จะมีคนมาคอยดูแลปิ้งย่างให้เราด้วย (แต่บางโต๊ะเขาจะขอจัดการเองก็มี เพราะจะได้นั่งได้นานๆ)
  8. รถและถนนที่เกาหลี จะเป็นด้านเดียวกับฝั่งอเมริกา คือ คนขับจะอยู่ทางซ้ายมือ และ เลนในการขับขี่ก็จะตรงข้ามกับประเทศไทย แต่จะเหมือนที่อเมริกา
  9. เมายังไงให้โลกจำ ก็ต้องไปดื่มกับสาวๆ เกาหลี มีสองเหตุการณ์ที่เราเจอกับตัวเอง อันแรกไม่ได้เห็นด้วยตาเพราะกลับบ้านก่อน แต่ตอนเช้ามีคนเล่าให้ฟัง ว่าสาวเกาหลีคนหนึ่งเมาแล้วเข้าไปฉี่ให้ในห้องนอนของเจ้าของบ้าน แล้วดึงเสื้อผ้าในตู้ออกมาเช็ดฉี่ตัวเอง แถมก่อนกลับ เธอได้ทิ้ง กกน ของเธอไว้ในห้องนั้นด้วย! ส่วนอีกเคสหนึ่งคือนั่งทานอาหารเย็น โต๊ะข้างๆ  ซึ่งพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย นางก็เริ่มเมา และเมาขึ้นเรื่อยๆ จนล้มโต๊ะ ขวดไวน์ แก้วไวน์กระเด็นระเนระนาด พนักงานในร้านแทนที่จะวิ่งไปช่วยโต๊ะนั้น แต่กลับวิ่งมาขอโทษพวกเรา และดูแลพวกเราก่อนว่าเป็นอะไรไหม เพราะเรานั่งโต๊ะใกล้เขาที่สุด ส่วนเพื่อนๆ ของนางก็มาทยอยขอโทษพวกเราด้วย…
  10. ชุดฮันบก คือชุดประจำชาติของชาวเกาหลีส่วนตัวแล้วไม่ค่อยอินเพราะคิดว่า เราอายุมากแล้ว แต่โชคดีที่ได้ของขวัญจากน้องๆที่ทำงานของคุณสามีก่อนเดินทางกลับอเมริกา
  11. ภาษาเกาหลี มีไวยากรณ์การพูดตามอายุ โดยการลงท้ายเสียงของเขาจะบ่งบอกความสุภาพของประโยคที่เขาพูด ดังนั้น คำพูดเดียวกัน แต่พูดกับคนต่างสถานะ จะลงท้ายต่างกัน เหมือนภาษาไทย เช่น จริงเหรอ? จริงเหรอค่ะ? ก็จะเป็น ชินจ๊า? ชินจ๊าโย?
  12. สวัสดีแบบเกาหลี แม้ว่าเกาหลีจะไม่ได้ไหว้สวัสดีแบบเรา แต่เวลาเด็กๆ ทักทายผู้ใหญ่ หรือ ผู้อาวุโสกว่า เขาจะก้มหัวต่ำ (ต่ำมากๆ บางคนเราก็กลัวว่าหัวจะโขกพื้น) แต่มันดูน่ารักดี เวลาลูกเพื่อนๆ มาบ้าน แล้วเขาก้มหัวพร้อมพูดว่า อันยองฮาเซโย มันน่ารักดี
  13. ตัวเลขที่ชาวเกาหลีใช้ มีสองหมวด คือ ตัวเลขภาษาเกาหลีแท้ กับ ตัวเลขที่เป็นภาษาจีน-เกาหลี
  14. เงินเกาหลี สืบเนื่องมาจากตัวเลข แต่ด้วยความที่เงินเกาหลีมีค่าเป็นตัวเลขหลักสูงๆ เช่น เวลาจะซื้ออะไรส่วนใหญ่ ราคาจะหลักพัน หลักหมื่นวอน แม้ว่า จะเป็นของราคาไม่กี่บาท ทำให้การฟังราคาภาษาเกาหลีค่อนข้างยาก
  15. ภาษากาย การทำมือทำไม้ คนเกาหลีมีเสน่ห์ตรงภาษากาย ไม่ว่าจะท่ามือป้องปากเวลาหัวเราะ หรือ การทำปากจู๋ๆ เวลาทานอาหาร (ซึ่งคนไทยบางคนทำ มันดูน่ากลัวนะคะ มันดูรู้ว่า พยายามทำ)
  16. การถ่ายรูป เราว่าคนเกาหลีถ่ายรูปไม่เน้นหน้าตา แต่เน้นที่ท่าทาง เหมือนเขาอยากทำให้รูปพูดได้ เช่นทำท่า ซารางแฮ หรือทำนิ้วรูปหัวใจที่ฮิตกันทั่วโลก เราคิดว่า พวก KPOP ก็พยายามคิดท่ากันตลอด
  17. Privacy หรือ ความเป็นส่วนตัว คนเกาหลีจะไม่ชอบให้จู่ๆ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขา แม้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะที่ปูซาน แม้แต่ร้านอาหารเขาจะตะโกนบอกเราเลยว่า ไม่ให้ถ่ายรูป และคนเกาหลีส่วนมากจะไม่ชอบโพสต์รูปภาพที่เห็นหน้าชัดเจนบนโซเชียลมีเดีย รูปส่วนมากของคนเกาหลีจะเน้น ถ่ายจากข้างหลัง เน้นสถานที่ และหรือ เวลาเราเห็นยูทูปโดยคนเกาหลี เขาจะเบลอหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่เขาในวีดีโอ ขนาดป้า31 ป้าที่แพร่เชื้อโควิดในเกาหลีในต้นปี 2020 คือป้าดังมากเพราะเขาไปทั่วเกาหลีและอาจจะเป็น spreader คนแรกๆ ของเกาหลี แต่ไม่มีรูปป้าลงในสื่อเกาหลีเลย คือเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ
  18. อินสตาแกรม คนเกาหลีเล่น อินสตาแกรมมากกว่าโซเชียมมีเดียอื่นๆ แต่คนเกาหลีมักจะมีแอคเค้าน์ไว้ตามมากกว่า มีไว้โพสต์เอง
  19. Kakao ครองเมือง ทั้งแอพฯ ทั้งแชท ถ้าคนไทยใช้ไลน์ คนเกาหลีก็ใช้คาเคากัน แต่แอพฯของเขาต้องยกนิ้วให้ เพราะดีมากๆ มีทั้งแชท แผนที่ ดูร้านอาหาร แต่จะหาข้อมูลได้แม่นยำมากถ้า ถ้าใช้ภาษาเกาหลีในการค้นหา แอพฯ KakaoTalk เป็นแอพอันดับหนึ่ง ที่ต้องดาวน์โหลดเวลาไปอยู่หรือแม้จะแค่ไปเที่ยวที่เกาหลี
  20. Naver ที่เป็นทั้งเว็บและแอพพลิเคชั่น ถ้าคนไทยมี Pantip คนเกาหลีก็มี Naver นี่แหล่ะ ไม่ว่าจะเขียนรีวิว หรือ สร้างกระทู้ หรือ ข่าวแบบวงใน คนเกาหลีจะสืบหาข้อมูลใน Naver นี่แหล่ะ นอกจากนั้นเขายังแตกไลน์ไปหลายอย่างเช่น ชอปปิ้งออนไลน์ ดิกชันนารี ฯลฯ
  21. GMarket นี่คือเว็บ/แอพฯ ขายของออนไลน์ของเกาหลี ประหนึ่ง Amazon ของอเมริกา หรือ Shoppee ในไทย
  22. ร้าน Daiso หาซื้ออะไรไม่ได้ที่เกาหลี ไม่ต้องไปหาที่ไหน เข้าไปในร้าน Daiso ก่อนเลยค่ะ ร้าน Daiso จึงเป็นร้านที่พึ่งทางใจ หาอะไรไม่ได้ หรือบางที ได้อะไรที่ไม่ได้หาติดมาด้วย ยิ่งร้านใหญ่ๆ มีหลายๆ ชั้น เดินเล่นเพลินได้ทั้งวัน ของในร้านมีตั้งแต่ราคา 1000-10000วอน แต่ส่วนใหญ่ก็จะราคา 1000-3000วอน
  23. โยคะ ที่เราไม่เคยชอบเลย แต่ไปเจอครูโยคะที่เกาหลีน่ารักมาก ทำให้เราเริ่มเล่นโยคะมากขึ้น (กว่าเก่า) และกางเกงโยคะที่เราชอบคือ Mulawear 
  24. คนเกาหลี ไม่ชอบทานฟรี คนเกาหลีถ้าเขาชวนเราไปทานอาหาร แสดงว่า เขาจะเป็นคนจ่ายมื้อนั้นให้เราค่ะ แต่ถ้าเราชวนเขาไปทานแล้วเราจ่ายให้เขา เขาจะพาไปต่อร้านขนมร้านกาแฟ เพื่อเขาจะจ่ายให้เราคืนบ้าง หรือถ้าเราไม่ไปต่อ มื้อต่อไปเขาจะรับเป็นคนจ่ายให้เราค่ะ
  25. การกินโชว์ มักบัง Mukbang คนเกาหลีทานเก่งมากๆ คนเกาหลีจึงเป็นยูทูปเปอร์ที่ทานโชว์ได้เยอะและมีผู้ติดตามหลายล้าน เช่น [햄지]Hamzy (9.25M Subscribers), Tzuyang (5.87M Subscribers), Eat with Boki (7.53M Subscribers), 까니짱 [ G-NI ] (4.39M Subscribers) โดยแต่ละคนก็มีลีลาในการทานโชว์แตกต่างกันไป แต่ยอดผู้ติดตามนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เลย *ยอดผู้ติดตาม ณ วันที่ 30มีนาคม2565*
  26. ผู้ชายเกาหลี หรือ เหล่าโอปป้าที่หลายๆ คนคลั่งไคล้ แต่ สามปีที่เกาหลีแทบไม่เคยเห็นความเป็นสุภาพบุรุษใดๆ จากชายเกาหลีทั่วไป ไม่เคยเปิดประตูให้ผู้หญิง ไม่เคยกดลิฟท์รอ ไม่เคยช่วยยกของ ไม่เคยลุกให้นั่ง ถ้าเดินแซงได้ก็จะแซงดะ อันนี้ไม่ได้มีอคตินะ แต่ถ้าเคยเห็นในซีรีย์ที่พระเอกชิงเรียกแท็กซี่ตัดหน้านางเอก หรือ พระเอกชิงนั่งบนรถเมล์ เราเข้าใจเลยว่า มันเป็นเรื่องปกติของเขา
  27. ขนมเกาหลี ที่บ้านเรามีทองหยอดฝอยทอง ที่เกาหลีเขาก็มีขนมพื้นบ้านของเขาเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนผสมหลักของขนมเขาจะเป็นแป้งข้าวเหนียว (แป้งต๊อก) กับน้ำตาล เป็นหลัก ที่มีขายทั่วไปก็จะคล้ายๆ แป้งต๊อกคลุกด้วยผงถั่ว ขนมพื้นบ้านของเกาหลีที่เราชอบก็จะเป็น ตัวข้าวเหนียวตัด จะคล้ายๆ กับขนมไทย แต่ไม่พูดถึงขนมรูปปลาไส้ถั่ว (หรือบางทีไม่ไส้ครีม) อันนี้เป็นที่นิยมมาก (ในประเทศไทยก็มีขาย)
  28. เบเกอรี่ที่เกาหลี คนเกาหลีชอบทานขนมปัง ขนมอบมากๆ แต่จะออกไปทางฝรั่งเศส อิตาลี ร้านเบเกอรี่ดังๆ ของเกาหลี ก็เช่น Paris Baguette, Tous Les Jours ที่เราจะเจอเกือบทุกที่ ทุกเมืองในเกาหลี แต่ถ้าร้านดังๆ ของแต่ละเมืองเขาก็มี เช่น OPS ที่ปูซาน ร้าน Ccopia Cake & Bread (ใน Okpo)
  29. ผักที่เกาหลี ไม่เหมือนผักที่ไทยเลย ถ้าแยกได้ จะรู้สึกว่า คนเกาหลีจะกินอะไรที่เป็นหัว เช่น มัน กระเทียม หัวหอม แครอท หัวไชเท้า และก็จะกินผักตระกูลกระหล่ำ ที่แปลกและเราผู้ไม่ใช่ติ่งเกาหลีมาก่อนแล้วมาทานครั้งแรกที่เกาหลีก็คือ ใบงา ที่ใช้ห่อกับอาหารปิ้งย่าง ตอนมาใหม่ๆ คิดว่ากลิ่นใบงาแรงมาก กลิ่นเหมือนแมลง แต่ไปๆ มาๆ ขาดไม่ได้ ซื้อเมล็ดกลับมาปลูกที่บ้านต่อ…
  30. ผลไม้ที่เกาหลี แพงมาก แพงทุกอย่าง คิดว่า เกาหลีปลูกยาก แล้วแรงงานก็แพง แต่ผลไม้ที่เกาหลี ที่ตราตรึงใจก็คือ สตรอเบอรี่ (ช่วงที่อยู่เกาหลี ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นด้วย ได้ทานเทียบกันระหว่าง สตรอเบอรี่ที่เกาหลี กับที่ญี่ปุ่น สรุปพวกเราก็ชอบสตรอเบอรี่ที่เกาหลีมากกว่า) แตงโมของเกาหลีก็อร่อยมาก ทั้งหวาน ทั้งกรอบ (แต่ก็แพงมากเช่นกัน) นอกจากนี้ก็ได้แก่ ลูกพลับ ลูกแพร ส่วนผลไม้อื่นๆ จะนำเข้าจากต่างประเทศ (และส่วนใหญ่จะถูกกว่า) ส่วนตัวแล้วคนเกาหลีชอบมะม่วงมาก แต่มะม่วงที่ขายคือนำเข้ามาจากไทย ซึ่งก็เขาก็ขายแพงมาก
  31. อาหารอิตาลีที่เกาหลี ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คนเกาหลีชอบทานอาหารอิตาลีมากๆ ร้านอาหารอิตาลีถือเป็นร้านอาหารไฮโซ เพราร้านอาหารอิตาลีส่วนมากจะหรูหรา และมีราคาแพง
  32. ร้านกาแฟ คนเกาหลีจะดื่มกาแฟ 24 ชม หรือ เมื่อไรก็ได้ ร้านกาแฟที่เกาหลีส่วนใหญ่จะเปิดตอน 11โมงเช้า และไปปิดตอน ตี2 !!! อย่างพวกเรานี่โกรธมาก เพราะเราดื่มกาแฟกันแต่ตอนเช้าๆ คือคนเกาหลีเขาดื่มกาแฟได้ตลอดเวลาจริงๆ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีเครื่องต้มกาแฟไว้บริการลูกค้าฟรีด้วย ร้านกาแฟที่เราชอบคือ The Litre (ร้านนี้คุณสามีชอบพวกโยเกิร์ตปั่นรสลูกพีช แต่จงระวังแก้วใหญ่เขาใหญ่มาก) นอกจากนี้กาแฟสำเร็จรูปแบบ 3อิน1 ที่เราจะเห็นทุกที่ก็คือ ยี่ห้อ Maxim
  33. ร้านสตาร์บัค งงใช่ไหมค่ะว่าทำไมต้องเขียนข้อนี้เพิ่มจาก “ร้านกาแฟในเกาหลี” เพราะร้านสตาร์คบัคในเกาหลี โดยเฉพาะในเมืองนั้นเยอะมาก แทบจะมีทุกมุมตึก ถ้าเปิดแผนที่ดูจะเห็นร้านสตาร์บัคขึ้นบนแผนที่ยังกับดอกเห็ด นอกนั้นสตาร์บัคยังออกคอลเลคชั่น แก้ว กระเป๋า พวงกุญแจ สมุด ฯลฯ เกือบทุกเดือน โดยเปลี่ยนสี เปลี่ยนลาย แล้วราคาก็ไม่ถูก แต่ขายดีมาก บางคอลเลคชั่นคนไปต่อคิวซื้อตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด แถมน้องคนที่รู้จักที่เกาหลี ก็รับซื้อแก้วสตาร์บัคแล้วส่งกลับไปขายที่ประเทศไทย เรียกว่ามีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ข้อดีของการซื้อแก้วสตาร์บัคนั้นคือ เขาจะแถมคูปองเครื่องดื่มฟรี1แก้วด้วย นอกจากนั้นบัตรกำนัลจากร้านสตาร์บัคถือเป็นของขวัญที่คนเกาหลีชอบมากด้วย
  34. เพลงเกาหลี เคยได้ยินเพลงเกาหลีมาไกลๆ เพลงที่เรารู้จักก่อนมาเกาหลีมีไม่กี่เพลง เช่น Nobody But You, Gangnam style แต่พอมาอยู่เกาหลีจริงๆ ในปีนั้น BTS ดังมากๆ มีคนโพสต์บนเฟสบุคว่าตื่นเต้นมาก น้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งจะเอารูปบีทีเอสมาพิมพ์บนกระป๋อง ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้ว่า ว่า BTS คือวง KPOP และในปีนั้น (2018) BlackPink กำลังเริ่มดัง และดังขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราเริ่มเสพข่าวเกาหลีทั้งในเกาหลีและในไทย ในแว่บแรกคือน้องลิซ่าคือใคร มารู้อีกทีคือน้องเขาดังมากๆๆๆๆ แต่เราเคยถามน้องๆ ชาวเกาหลีว่ารู้จัก ลิซ่า BlackPink ไหม เพื่อนเกาหลีจะตอบ ว่า ไม่รู้จัก เพราะเขาจะฟังเพลงของคนเกาหลีจริงๆ เช่น Jessi ซึ่งมีเพลง Nunu Nana ดังมาก
  35. นักแสดงเกาหลี ก่อนที่่จะย้ายไปอยู่เกาหลี นักแสดงเกาหลีเราไม่เคยรู้จักใครสักคนเลยจริงๆ คือ blank มากๆ กับวงการบันเทิงเกาหลี ต่อมาเริ่มรู้จัก และจำได้แต่หน้า (จำชื่อไม่ได้) เพิ่มขึ้น ไปอยู่เกาหลีมาสามปีเพิ่งรู้จัก กงยู เลยไม่แปลก
  36. คาราโอเกะ (โนเรปัง) คนเกาหลีชอบร้องเพลงมากๆ ธุระกิจ โนเรปัง ยังคงเป็นธุรกิจที่ยังรุ่งเรืองในเกาหลี (ในขณะที่ พีซีปัง หรือ ห้องเล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เน็ต เริ่มลดลงเพราะคนเริ่มใช้สมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว แต่ห้องคาราโอเกะยังเป็นที่นิยมของชาวเกาหลีทั่วไป แล้วเอาจริงๆ นะ คนเกาหลีเกิดมาร้องเพลงได้ทุกคน เพื่อนเกาหลีนี่ถ้ายื่นไมค์ให้เหมือนเปิดสวิตซ์ให้ชีวิตเขาเลย
  37. เพื่อนชาวเกาหลี การได้มีโอกาสมีเพื่อนเป็นชาวเกาหลีแท้ๆ นับว่าเป็นกำไรของเราที่ได้มาอยู่ที่นี่ เพื่อนเกาหลีส่วนใหญ่ รักจริง รักแน่นแฟ้น ช่วยเหลือเกื้อกูลดีมากๆ เรามีเพื่อนเกาหลีที่เป็นครูเกาหลี และเป็นเพื่อนที่เรียนโยคะ และเหล่าภรรยาของลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานของคุณสามี
  38. รถไฟฟ้า (Metro) ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลีดี และ ถูกมาก ถือเป็นความโชคดีของคนเกาหลีจริงๆ หากเดินทางไปในเกาหลี ให้ดาวน์โหลดแอพฯ KakaoMetro เป็นแอพฯ ของระบบรถไฟฟ้าทั้งหมดของเกาหลี (ต้องเปลี่ยนเมืองในแอพฯ เวลาใช้) ในช่วงที่เราอยู่เกาหลีนั้นเมืองใหญ่ๆ ที่มีรถไฟฟ้าใต้ดินคือ โซล ปูซาน คยองจู แทกู แทจอน
  39. ห้องน้ำสาธารณะที่เกาหลี สะอาดดี น้อยครั้งที่เราจะเจอห้องน้ำไม่สะอาด แถมเวลาออกไปนอกบ้านแล้วเกิดปวดห้องน้ำสามารถขอเข้าห้องน้ำตามร้านกาแฟใหญ่ๆได้ด้วย
  40. ทุกบ้านจะต้องมี Bidet (บิเด ฝารองนั่งชักโครก) และจะต้องมีหลากหลายปุ่มมากๆ บางรุ่นสามารถทำให้อุ่นก้นเวลานั่งได้ด้วย ตอนย้ายกลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ เข้าห้องน้ำแล้วคิดถึง Bidet มากๆ
  41. ใช้รหัสเข้าบ้าน เกือบทุกบ้านจะไม่ใช้กุญแจลูกกุญแจอีกแล้ว เพราะจะใช้แบบอัตโนมัติใส่รหัสหรือใช้บัตรกันเกือบทุกบ้าน ทุกคอนโดฯ เรียกกว่า ไฮเทคกันทุกหลัง
  42. ไฟ ส่วนใหญ่ไฟตรงทางเข้าบ้านจะเป็นแบบเซ็นเซอร์คือเปิดปิดเองเมื่อเราเดินผ่าน เขาประหยัดทรัพยากรกันสุดๆ เลยทีเดียว ในลานจอดรถส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้
  43. ถุง หากซื้อของจากร้านค้า หรือ ช้อปปิ้งมอลล์ ส่วนใหญ่จะต้องซื้อถุงเพิ่ม ทำให้คนส่วนใหญ่จะพกกระเป๋าผ้ากัน ตอนไปถึงใหม่ๆ เรื่องซื้อถุงใส่ของที่เราซื้อก็แปลกแล้ว แต่มาแปลกยิ่งกว่า ตรงที่เราต้องซื้อถุงใส่ขยะตามเมืองที่เราอยู่ด้วย บางห้างร้านฯ จะให้ซื้อถุงใส่ของเป็นถุงขยะไปเลย และที่แปลกเข้าไปอีกคือ แม้จะอยู่เมืองเดียวกัน แต่ถ้าขยะจากบ้านเป็นหลังๆ จะใช้ถุงคนละสีกับขยะจากที่อยู่อาศัยแบบคอนโดฯหรือ แบบโรงแรม ซึ่งเราก็ต้องใช้เวลานานอยู่กว่าจะใช้ถุงขยะที่ถูกต้อง
  44. นอกจากเรื่องถุงขยะแล้ว การแยกขยะเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ละตึก จะมีห้องแยกขยะไว้ให้ผู้พักอาศัยมาแยกขยะก่อนทิ้ง ส่วนถุงทิ้งขยะ บางคนก็บอกว่า จะทิ้งอะไรก็ได้เพราะสุดท้ายเขาเอาไปเผา แล้วถ้าเราขี้เกียจแยกเราก็ต้องเสียค่าถุงขยะแพงเอง แต่ส่วนใหญ่เราก็พยายามแยกพวกขวด หรือ พลาสติกออก ห้องแยกขยะถือเป็นห้องที่น่ากลัวมากตอนที่เราย้ายไปอยู่ปูซานเดือนแรกๆ เพราะพวกเราแยกขยะไม่เป็น โดยอาจุมม่าที่นั่งในห้องตะคอกใส่ตลอดเลย
  45. รถไฟ KTX จากปูซานไปโซล ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงครึ่งเอง สะดวกสบายมากๆ แต่แพงอยู่เหมือนกัน ตกคนละ 1000-3000บาท ต่อเที่ยว รถไฟ KTX มีผ่านหลายเมือง เป็นการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆไปโซลที่สะดวกมากๆ
  46. วันปีใหม่ รับแสงอาทิตย์แรกของปี แล้วปีแรกเหตุการณ์เกิดที่หาดแฮอุนแด คือเราตกใจมาก เห็นคนทยอยมาที่หาดกัน มาเป็นกลุ่ม มากันต่อเนื่องตั้งแต่เช้าตู่ มองผ่านหน้าต่างเหมือนมดเดินมากินน้ำเชื่อม แล้วสักพักพอพระอาทิตย์ขึ้น คนก็ทยอยหายไป เราสองคนที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์แบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันเป็นภาพที่มหัศจรรย์มาก จนๆ สายๆ เพื่อนๆ ส่งข้อความมาสวัสดีปีใหม่พร้อมกับรูปเขาว่าไปอาบแสงแรกแห่งปีที่ไหนกันบ้าง เราก็เลยเข้าใจว่า อ่อ เขามารับแสงแรกของปีกันที่หาดเมื่อเช้านี้ หลังจากนั้น พอปีใหม่เราก็ตื่นไปรับแสงแรกของปีกับเขาบ้าง…
  47. วันชูซก หรือวัน ขอบคุณพระเจ้าของชาวเกาหลี วันนี้ถ้าเทียบกับที่ประเทศไทย ก็น่าจะสำคัญประมาณวันสงกรานต์เลย วันชูซกจะประมาณเดือนกันยายน แล้ว คือทุกคนจะกลับบ้านเกิด ร้านค้าปิด ถนนโล่ง ปีแรกเราก็งง ว่าเกิดอะไรขึ้น คนปิดบ้าน ปิดร้านกันหมด จะไปไหน ก็หาแท็กซี่ไม่ได้เลย
  48. แบรนด์ FILA ตั้งแต่หัวจรดเท้า มันเป็นแฟชั่นที่เรียบง่าย บางทีแค่เสื้อยืด หรือ หมวก สีขาวๆ แล้วมีคำว่า FILA ก็ใส่กันทั่วบ้านทั่วเมืองเลย
  49. ซีรีย์เกาหลี เรื่องแรกที่เราดูคือเรื่อง Birth Of Beauty ปี 2014 미녀의탄생  จากนั้นก็เรื่อง Mister Sunshine , Crash Landing on You, Familiar Wife, Hometown Cha-Cha-Cha, Rooftop Prince, The Kingdom, We all are dead, Twenty-Five Twenty-One ตามลำดับ
  50. หนังเกาหลี ก็หนีไม่พ้น Train to Busan ดูแล้วทึ่งกับหนังซอมบี้เกาหลีมาก จากนั้น ก็ดูหนัง หรือ ซีรีย์เกี่ยวกับซอมบี้ของเกาหลีมาโดยตลอด
  51. ห้างดังๆ ของเกาหลี ก็จะหนีไม่พ้น Shinsaegae , Lotte ขนาดกลางๆ ก็จะเป็น E-mart, HomePlus เผื่อย้ายไปอยู่จะได้ลองกูเกิ้ลดูว่ามีห้างฯเหล่านี้แถวที่อยู่หรือไม่
  52. ร้านสะดวกซื้อในเกาหลี ถ้าที่ไทยก็จะต้อง 7-11 แต่ที่เกาหลีเขาก็จะมีร้านของเขา เช่น GS25
  53. กล้อง cctv ที่นี่ มีเกือบทุกจุด เราจะเห็นตำรวจตามท้องถนนน้อยมาก (แต่ตำรวจค่อนข้างจะมาไวถ้ามีใครโทรแจ้ง) ดังนั้นเขาจะมีกล้องจุดเกือบทุกจุด ทุกถนน
  54. Free Wifi เกือบทุกร้านค้า ร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านกาแฟ จะมี Wifi ไว้ให้บริการฟรี ๆ โดยส่วนใหญ่จะติดป้ายบอกรหัสไวไฟไว้ในร้าน แล้วไม่ใช่ ไวไฟกากๆ ด้วย สปีดใช้ได้เลย แบบนี้คนส่วนใหญ่จะมานั่งร้านกาแฟกันนานๆ
  55. โสมเกาหลี ของเขาดีแค่ไหนไม่รู้ แต่มีให้เลือกมากมายหลายแบบ แบรนด์ดังๆ ก็ได้แก่….
  56. มันเผา มันเผาที่เกาหลีอร่อยมาก เห็นที่ไหนเป็นต้องปรี่เข้าไปซื้อ สนนราคาตามร้านค้าทั่วไป จะอยู่ที่ 5000วอน หรือ ประมาณ 150 บาท
  57. ไวตามิน หรือ อาหารบำรุง จะมาอยู่ในรูปหลอด แบบหลอดกาแฟ3อิน1 พกพาสะดวกแกะทานได้ ตอนนั้นเราชอบคอลลาเจนผงมาก
  58. KF94 หน้ากากอนามัยช่วงโควิด19 ไม่รู้โชคร้ายหรือโชคดีที่เราอยู่ในเกาหลีช่วงเกิดโควิด19 พอดี และเกาหลีก็มีเคร่งครัดกับการใส่หน้ากากมากๆ จนออกแบบหน้ากากที่ดังไปทั่วโลก สนนราคาที่เราซื้อเหมากล่องละ $40-$50 (1200-1500บาท) ต่อ 100ห่อ (หรือ 100แผ่น)
  59. ที่มาร์คหน้าเกาหลี คือถ้ามาร์คได้ครบทุกกลิ่น ทุกสี ทุกยี่ห้อที่มีในเกาหลี เราต้องมีสักสิบหน้าแบบทศกัณฑ์แล้วมาร์ค ทุกวัน วันละ 3เวลา 55555 คือเขามีให้เลือกหลากหลายมากมายจริงๆ
  60. นอกจากที่มาร์คหน้าแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งแล้ว คนเกาหลียังมีที่มาร์คหน้าแบบไฟฟ้า และที่ดังมากๆ ในตอนนั้นคือของ LG ซึ่งเราได้เป็นของขวัญวันเกิดด้วย ชุดหนึ่งก็หลายหมื่นบาทอยู่ แต่ถามว่าใช้ดีไหม ก็แอบคิดนะ ว่าก็ดีนะ แถมพกกลับมาใช้ต่างประเทศได้ด้วยเพราะที่ชาร์ทเป็นแบบ  USB
  61. เครื่องสำอางเกาหลี เป็นที่รู้ๆ ว่าคนไทย อะไรๆ ที่ทำจากเกาหลีคือดีหมด เรามาในยุคที่คนเกาหลีแต่งหน้าแบบมันวาว แต่การแต่งหน้าแบบนั้นมันไม่เหมาะกับคนผิวสีแบบเราเพราะมันดูเหมือนคนหน้ามันและยิ่งหมองคล้ำไป เครื่องสำอางค์เกาหลีที่เป็นสำหรับแต่งหน้าเราเลยไม่ค่อยรู้ แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางแบบบำรุงหน้าที่ชอบ และเป็นแบรนด์เคาน์เตอร์ของเกาหลีคือ….
  62. ตะเกียบเกาหลี ที่เราคีบอะไรก็ไม่ติด แต่คนเกาหลีสามารถใช้คีบทุกอย่าง เพราะตะเกียบเกาหลีจะทำมาจากสแตนเลส แล้วเป็นตะเกียบแบนๆ ไม่ได้กลมๆ เหมือนตะเกียบทั่วไป เราะไปหาอ่านเจอแล้วจำมาว่า ตอนเกิดสงครามเกาหลีตอนนั้นญี่ปุ่นทิ้งระเบิดจนต้นไม้ตายหมด ก็เลยสั่งทำตะเกียบจากสแตนเลส หรือเหล็ก แทนจากไม้ไผ่ แล้วตอนนั้นคงตีตะเกียบให้กลมไม่ได้ ก็เลยตัดเป็นแบนๆ แล้วก็หัดใช้มาจนถึงปัจจุบัน (อันนี้ไม่รู้จริงหรือเปล่านะ)
  63. คนเกาหลีทานเนื้อสุนัข? จากประวัติศาสตร์ที่ร่ำลือไปต่างประเทศว่า คนเกาหลีกินสุนัขนั้น จริงๆ แล้วมีเพียงกลุ่มเดียว และเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ยังคงทานเนื้อสุนัขกันอยู่ เนื้อสุนัขมีราคาแพงจึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่า ไปเกาหลีแล้วเขาจะเอาเนื้อสุนัขมาให้ทาน
  64. สัตว์เลี้ยงที่เกาหลี จริงๆ แล้วคนเกาหลีรักสุนัขและแมวมากๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงในเกาหลีมีราคาแพงมากๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลสัตว์ (เราผ่าตัดถุงนิ่วให้น้องหมาที่เกาหลี มีค่าใช้จ่ายเกือบ 1แสนบาท ในขณะที่เคยผ่าตัดในอเมริกามีค่าใช้จ่ายประมาณ 35000บาท) ไอเทมทุกอย่างที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงก็มีราคาแพงไปด้วย เช่น ค่าตัดขนน้องหมาประมาณ 50,000วอน ค่าฝากเลี้ยงสุนัขประมาณคืนละ 25,000วอน นี่ขนาดน้องหมาเรามีน้ำหนักตัวแค่ 5กก เอง และยิ่งไปกว่านั้น รถเข็ญที่เราคิดว่าเอาไว้เข็ญเด็กนั้น เกือบ 80% คนเกาหลีมีไว้เข็ญน้องหมา!!
  65. มาม่าเกาหลี เรามาอยู่ตอนที่ก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูปของเกาหลีกำลังโด่งดังมากทั้งที่ไทยและในอเมริกา โดยเฉพาะรสเผ็ดถึงเผ็ดที่สุด แต่ในชีวิตประจำวันใครจะไปกินแบบเผ็ดๆ ได้ตลอด โดยปกติแล้ว ยี่ห้อที่ดังมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ Sho แต่ส่วนตัวแล้วชอบทานหลายๆ แบบ เช่น xxxx
  66. ซีฟู้ดที่เกาหลี ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกกุ้งหอยปูปลาเพราะสำหรับที่นี่ พวกนี้เบสิคไปเลย เพราะอาหารซีฟูดที่เกาหลี บางประเภทมีลักษณะชวนขนลุก บางประเภทแทบไม่รู้จักเลย หรือ บางประเภทดูเหมือนมันจะกินไม่ได้เลยก็มี เมนูแปลกๆ ที่เป็น MUST TRY ก็เช่น ปลาหมึกซาเซมิ หรือ ปลาหมึกสดๆ ที่เขาตัดปลาหมึกตัวเป็นๆ ใส่จาน แล้วปลาหมึกยังดิ้นไปมาได้
  67. Kingcrab หรือ ปูยักษ์ (คล้าย ปูอลาสก้า) ซึ่งพวกเราจะถือโอกาสวันสำคัญๆ เพื่อหาเรื่องไปทานเจ้าปูยักษ์นึ่ง สนนราคามื้อหนึ่งประมาณ 150000บาท สำหรับสองท่าน โดยปูยักษ์ก็จะขายเป็นกิโลกรัม โดยที่ร้านเขาก็จะรวมราคานึ่งกับราคาแกะไปด้วย (ราคาแต่ละร้านไม่เท่ากัน แต่จะอยู่ประมาณ 55,000-75,000วอนต่อกิโลกรัม)  ปูยักษ์ที่เกาหลีมีให้ทานเกือบทั้งปี แต่ถ้าเป็นฤดูของมันจริงๆ ก็จะประมาณ พฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ จริงๆ ที่เกาหลีมีปูเกาหลีด้วย แต่ ตัวเล็กกว่า
  68. ต๊อกโปกกี อยู่กี่ปีเราก็เข้าไม่ถึงต๊อกโปกกี เพราะต๊อก ก้อนแป้งกลมๆ นั้น กินไม่กี่คำก็อิ่มจุก แต่ตัวน้ำซอสต๊อกโปกกีอร่อยดี ส่วนมากเรามักจะซื้อพวกของทอดมาทานกับตัวซอส
  69. กิมบับ ถ้าถามอาหารทานเล่นของเกาหลีที่ชอบ น่าจะเป็นกิมบับนี่แหล่ะ ครั้งแรกที่เห็นเขาทำกิมบับ เราเห็นที่ตลาดแฮอุนแด ไปเดินเล่นคนเดียว แล้วคนต่อแถวยาว ก็เลยไปยืนดู เห็นเขาห่อสาหร่ายแล้วทาน้ำมันงาเป็นเงา ก็เลยซื้อมาลองทานดู ทานครั้งแรกมันเหมือนข้าวปั้นกับสาหร่ายมีไส้หวานๆ เค็มๆ ข้างใน อร่อยแต่รู้สึกแห้งๆ หนักๆ นานๆ กินทีก็อร่อยดี
  70. นมรสกล้วยหอม นอกจากดื่มกาแฟ กับโซจูแล้ว เครื่องดื่มแบบมีประโยชน์ที่สุดของคนเกาหลีก็หนีไม่พ้น นมรสกล้วยหอม Banana Milk นี้ถือเป็นเครื่องดื่มที่ฮิตมากๆ ในเกาหลี เด็กนักเรียนเกือบทุกคนจะถือนมรสกล้วยหอม เราก็ชอบนะ หอมดี (แต่หวานไปนิด) น่าจะเหมาะกับเด็กๆ หรือ คนที่ต้องการพลังงาน
  71. ร้านทำผม ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ดีกับร้านทำผมที่เกาหลีสักเท่าไร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการสื่อสารของเราไม่ดี หรือ เราไม่ได้ไปตามร้านที่เขารีวิว โดยร้านปกติที่เราไปทั้งในโซล ปูซาน กอเจ แทบจะหาร้านที่ถูกใจไม่ได้ ราคาก็แพง แถมคนทำ มือหนักมากๆๆๆๆ แต่ที่ประทับใจคือ ร้านทำผมในเกาหลีส่วนใหญ่ เวลาเขาสระผม เขาจะนวดศีรษะให้ด้วย และความที่เป็นคนมือหนัก เขาจะนวดแรง แต่มันยิ่งแรงยิ่งมันส์ 555 ราคาสระไดร์ในร้านขนาดกลาง ถึง ขนาดใหญ่ จะอยู่ที่ 35000วอน
  72. สาวเกาหลีที่มีผมหน้าม้า และต้องม้วนโรลตลอดเวลา ตลอดเวลาจริงๆ บางทีขึ้นรถไฟก็เจอ ขึ้นเครื่องบินก็เห็น หรือแม้แต่ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ คือน้องๆ เขาม้วนผมหน้าม้าตลอด งง ตรงที่น้องเขาจะสวยตอนไหน เพราะม้วนติดหน้าม้ามาตลอดเวลาแบบนี้
  73. ร้านนวด ร้านนวดที่เกาหลีแพงมาก อย่างในปูซาน ชั่วโมงละ 60,000 – 90,000วอน (หรือชั่วโมงละ 2400-2700บาท) ที่ถูกสุดที่หาได้คือในไชน่าทาวน์ (ปูซาน) ชั่วโมงละ 40000-45000วอน แต่มาถูกกว่าและถูกใจด้วยเพราะหมอนวดเป็นคนไทยคือที่เกาะกอเจ ชั่วโมงละ 35000-40000วอน
  74. ทิป  ในเกาหลีไม่รับทิป แต่ก็มีบ้างบางคนที่รับ แต่ส่วนใหญ่ (เกิน 50%) ที่จะไม่รับทิป แต่ที่เราเคยเจอที่ร้านนวดในเกาะกอเจ เขาจะมีป้ายบอกอีกทีว่า ควรจะทิปให้หมอนวดอย่างน้อย 5000วอน
  75. เดิน/ปีนเขา (Hiking) เราผู้ซึ่งวัยเกิน 40 ไม่เคยอยู่วงการ Hiking มาก่อน แต่พอมาอยู่เกาะกอเจ เราชื่นชอบการเดินเขาที่นี่มี มันเป็นการออกกำลังกายที่ได้ชื่นชมกับธรรมชาติ แล้วคนเกาหลีแข็งแรงมาก เพราะเขาออกมาเดินปีนเขากันเป็นเรื่องปกติ อย่างทุกครั้งที่เราไปเดิน จะมีคนผู้สูงวัยมาเดินด้วยตลอด  เกาหลีใต้มีภูเขามากมาย ทำให้การปีนเขาในเกาหลีมีให้เลือกเกือบทุกเมือง บางคนถึงกับเดินทางไปเมืองต่างๆ เพื่อปีนเขา
  76. เครื่องออกกำลังกาย คือรัฐบาลหรือหน่วยงานของเกาหลีเป็นอะไรที่คำนึงสุขภาพของชาวเกาหลีได้ดีมากๆๆๆๆๆๆ ทุกสวนหย่อมจะต้องมีเครื่องออกกำลังกายให้บริการฟรีอยู่เสมอ แม้กระทั่งบนเขา ที่เวลาปีนเขาไปถึงจุดๆ หนึ่ง เขาก็จะมีเครื่องออกกำลังกายไว้เสมอ คือ พวกเรายังล้อเลียนกันเองว่า แค่ปีนเขาขึ้นมายังเหนื่อยไม่พอ ต้องมาปั่นจักรยานต่อบนเขาอีก 55
  77. อายุคนเกาหลี ถ้าถามอายุกับคนเกาหลี คนเกาหลีจะถามกลับว่า อายุแบบเกาหลี หรือ แบบสากล? ตอนแรกเราก็จะงงๆ ค่ะ แต่พอคุยไปคุยกันมาจะเข้าใจว่า จริงๆ แล้วคนเกาหลีเขาเชื่อว่า เราเริ่มมีชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ดังนั้นเมื่อปีที่เกิด หรือเกิดปุบ ก็จะถือว่าอายุ 1 ปี แล้วพอขึ้นปีปฎิทินใหม่ ให้บวกเพิ่มไปเลยอีกหนึ่งปี คือเขาจะไม่รอวนครบเดือนเกิดเลย ดังนั้น อายุคนเกาหลี อาจจะมากกว่า อายุแบบสากล 1-2ปี
  78. นามสกุล คนเวลาแต่งงาน ผู้หญิงจะไม่เปลี่ยนนามสกุล แต่ถ้ามีลูกด้วยกัน ลูกที่เกิดมา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะใช้นามสกุลของพ่อ
  79. น้องซอ สะใภ้เกาหลี ตอนย้ายไปอยู่ปูซานใหม่ๆ ตอนนั้น ความเกาหลีในตัวเรานั้นน้อยมาก การได้ดูยูทูปของน้องซอ ซึ่งในตอนนั้นมีคนตามแค่หลักแสน (ปี 2018) ถือเป็นการช่วยให้เราเข้าใจคนเกาหลี และรู้จักอาหารเกาหลี เครื่องปรุงเกาหลีมากขึ้น ปีต่อมา น้องซอก็เริ่มบูมขึ้นมากๆๆๆ มียอดไลค์และคนตามหลักล้าน และเพิ่มเป็นทวีคูณภายใน 2-3 ปี จนวันนี้ น้องมียอดคนตาม 2.5ล้านกว่า ๆ บนยูทูป (ปี 2022) วีดีโอที่น้องซอทำมีประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่กำลังจะย้ายไปอยู่เกาหลี
  80. Superman Return เป็นรายการโปรดที่สุดของเรา เป็น reality ที่เสนอเรื่องราวของเหล่าคนดังที่มีครอบครัว มีลูก แล้วเขาจะติดตั้งกล้องในมุมของบ้าน แล้วนำเสนอเรื่องราวชีวิตประจำวัน โดยมีลูกๆ ของเหล่าดาราคนดังในอดีตเป็นตัวหลัก ซึ่งเราไม่รู้จักดาราเหล่านั้นเลย เรามาตามดูเพราะลูกๆ ของเขา พร้อมกับการนำเสนอที่ดูเรียลมากๆ บ้านที่เราชอบดูเป็นพิเศษ คือบ้านของ William and Bentley ของพ่อแซม การดูโชว์นี้เป็นการเรียนภาษาเกาหลีไปในตัวด้วย
  81. Costco ถือเป็นความโชคดีของชาวเกาหลีใต้ ที่คอสโกไปเปิดสาขาที่นี่ คอสโกเป็นห้างฯขายส่ง(แพคใหญ่ สำหรับครอบครัว หรือ กิจการเล็กๆ) สินค้าในคอสโก คือเป็นสินค้ามีคุณภาพสูง คอสโกมีหลายสาขา ในเกาหลีใต้ เช่น ปูซาน โซล และ อุลซาน ฯลฯ
  82. ไก่ทอด เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ชาวเกาหลีใต้ชอบทานไก่ทอดมากๆ ร้านไก่ทอดดังๆ ของเกาหลีมีเยอะมาก แต่ก่อนจะเดินทางกลับประเทศอเมริกา ไก่ทอดที่เราสั่งบ่อยที่สุดคือ ไก่ทอด Puradak โดยเฉพาะเมนู แบล็คชิคเก้น (Black Chicken) นอกจากนี้ก็มีร้านดังๆ จากการรีวิว ทั่วไป..
  83. ดอกไม้ที่ใช้แสดงความยินดี กลับเหมือน พวงหรีดที่บ้านเรา ตอนเห็นใหม่ๆ รู้สึกแปลกๆ แต่ก็เริ่มชินพอเห็นบ่อยๆ ขึ้น
  84. ยา ถ้าไปโรงพยาบาลหรือแม้แต่ไปคลีนิคเสริมความงาม หากต้องมีการสั่งยา เขาจะให้เป็นใบสั่งฯ แล้วไปซื้อยาเองที่ร้านขายยา น้อยมากที่ทางโรงพยาบาลจะมีแผนกจ่ายยา แล้วซองยาของเขาจะมีการพิมพ์ชื่อและเวลาทานอย่างชัดเจนบนซอง
  85. อาหารจีนเกาหลี คนเกาหลีมีเมนูอาหารจีนฟิวชั่นที่ดังๆ คือ จาจางเมียน เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ราดด้วยซอสดำๆ เค็มๆ เมนูนี้เป็นเมนูที่คนเกาหลีชอบมากๆ
  86. ถุงเท้า ถือเป็นสินค้ายอดนิยมมากๆ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะต้องมีร้านถุงเท้าตลอด คืนเกาหลีใส่ถุงเท้าเกือบตลอดเวลา หลายๆ คนที่เรารู้จัก จะพกถุงเท้าในกระเป๋าสะพายด้วยเสมอ
  87. อุโมงค์เยอะมาก หากขับระหว่างเมืองในเกาหลี จะต้องผ่านและลอดอุโมงค์เยอะมาก
  88. อาจุมม่า หรือ มนุษย์ป้าในเกาหลี ลึกๆ แล้วมีความหมายในทางที่ไม่ดีเหมือนกับการที่เราเรียก คนสูงวัยที่หัวโบราณ เสียงดัง หรือ ทำอะไรแปลกๆ ไม่แคร์ใคร แต่สำหรับอาจุมม่าของชาวเกาหลี นั้นรวมไปถือ ทรงผม เสื้อผ้า หมวก แฟชั่น หรือ รูปลักษณ์ภายในนอกของอาจุมม่า ซึ่งคนรุ่นหลังๆ ก็ไม่นิยมแต่งตัวแบบนั้นกันบ้างแล้วแม้จะเข้าสู่วัยอาจุมม่า ก็ตาม
  89. ปุ่มกดเรียกพนักงานในร้านอาหาร เป็นปุ่มที่มีทุกโต๊ะอาหาร เพื่อกดเรียกพนักงาน ตอนแรกๆ เราไม่กล้ากดกัน เพราะมันดังมาก แต่หลังๆ ชอบ สะดวกดี อยากสั่งอะไรก็กดเรียก ไม่ต้องยื่นหน้ายื่นคอ รอให้พนักงานมองเห็น…
  90. Spam หรือ แฮมกระป๋อง ยี่ห้อดังของอเมริกา ไม่น่าเชื่อว่า เป็นอาหารยอดนิยมของชาวเกาหลี ถ้าหากดูหนังเกาหลี ฉากที่เกี่ยวกับอาหารหรือครัว จะมีกระป๋องสแปมตั้งอยู่ สแปมถือเป็นอาหารกระป๋องที่นิยมซื้อเป็นของขวัญในเทศกาลสำคัญๆ ในเกาหลี พอๆ กับกระเช้ารังนกในไทยเลย

ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า บางข้อคือมุมมองและความรู้สึกส่วนตัว ซึ่งอาจจะผิด อาจจะถูก หรือ อาจจะฟังดูไม่ดี แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแต่อย่างไร เพียงแค่แชร์ประสบการณ์ความเห็นต่างในมุมของเราเองเท่านั้น…

ในส่วนตัวแล้ว ประสบการณ์ชีวิตในเกาหลีนั้นดีมากๆ ถ้ารู้ก่อนไปก็จะดีมาก เพราะจะได้เข้าใจและใช้ชีวิตที่นั่นแบบง่ายขึ้น และถ้าหากเลือกได้ อยากกลับไปเที่ยวที่เกาหลีอีก…

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *