วันเดียวเที่ยวแทกู (Daegu) เดินทางจากปูซาน

มาเที่ยวแทกู (Daegu) ในวันเทศกาลชูซก (Chuseok เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าของชาวเกาหลี) มีที่ไหนเปิด และที่ไหนปิดบ้าง!

(English)
ปีที่แล้ว ช่วงวันชูซก (Chuseok) เราอยู่ปูซาน ไปเที่ยวหมู่บ้านวัฒนธรรม Gamcheon กับตลาดจากาลชิ ซึ่งก็เปิดปกติ แต่ก็มีร้านค้าเกือบครึ่งที่ปิดร้านเช่นกัน

ปีนี้เราเลยลองนั่งรถไฟ ไปแทกูกัน แต่ก็แอบกลัวเพราะว่าตอนออกจากบ้านที่แฮอุนแด หาแท็กซี่ยากมาก ถนนโล่งเลย พอไปถึงแทกู ปรากฎว่า ที่นี่ ห้างฯ ร้านค้า ตลาดปิดหมดเลยค่ะ มี E-World ที่ยังเปิดให้บริการ (แต่ก็ดูไม่คึกคักเพราะคนไม่เยอะ) ตลาดซอมุน (Seomun) ปิดสงัดทั้งวันทั้งคืน แต่ยังดีที่ถนนช้อปปิ้งชื่อดัง Deongseongno ที่ร้านค้าเปิดขายปกติเกือบ100% ที่นี่เลยเป็นที่คึกคักที่สุดในแทกูตลอดคืนชูซก…



จริงๆ จากปูซาน มาเที่ยวแทกู ไปกลับวันเดียวได้ เพราะนั่งรถไฟฟ้า (KTX) เพียง 40นาทีเท่านั้นเอง แต่เราไม่เคยมา ก็เลยจองโรงแรมไปคืนหนึ่ง ที่ รร Rivertain

สถานที่เที่ยวหลักๆของพวกเราในแทกู คือ Alive Aquarium, ถนน คิมกวางซก (Kim Kwang Seok ศิลปินนักร้องชื่อดังของชาวเกาหลี), มื้อกลางวันที่ถนนแกงเผ็ดซี่โครงจิมกาลบิ (Donjin Jjimgalbi Street), สวนสนุก E-World, มื้อเย็นที่ ตลาดซอมุน (Seomun Market) ไปเดินย่อยที่ถนนช้อปปิ้ง Deongseongro พักที่ รร Rivertain

จากสถานีปูซานมา แทกู ด้วย KTX ต้องเลือกสถานี Dongdaegu ค่าตั๋วรถไฟคนละ23,900วอน แบบ first class (แบบทั่วไป Economy จะถูกกว่า แต่ก็สะอาดและดี แค่เก้าอี้นั่งเล็กกว่ากันนิดเดียว ราคา 17,100วอน) แต่คราวหน้าจะลองนั่งรถไฟ SRT บ้าง เขาว่าเร็วกว่า และถูกกว่า…

อครอเลียม (Alive Aquarium) ที่เราอยากมาดูอยู่ในห้าง Shinsegae ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ Dongdaeguเลย แต่ วันนี้วันชูซก ห้างปิดค่ะ!!! โปรแกรมแรกของวันนี้เราก็เลยจบลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม…

ไว้ถ้ามีโอกาสค่อยว่ากันใหม่ อควอเลียมที่นี่เขามีตั้งแต่ปลาฉลาม แล้วยังมีโชว์นางเงือกอีกด้วย อันนี้น่าจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย ยกเว้นนักท่องเที่ยวที่มาผิดวันแบบพวกเรา

ที่นี่มีศูนย์นักท่องเที่ยวฯที่สามารถแว่ะสอบถามข้อมูล และขอแผนที่ได้ด้วย

จากสถานีรถไฟ Dongdaegu มีแท็กซี่มาจอดรอเพียบ! จากตรงนี้ เรานั่งแท็กซี่ไป ถนน คิม กวาง ซก (Kim Kwang Seok  Street) ทำไมเขาถึงให้ความสำคัญกับศิลปินท่านนี้?

เพราะเขาศิลปินระดับตำนาน เขาว่าเป็นนักร้องดังมากในยุคนั้น เมื่อ20-30ปีก่อน

แต่คิมกวางซก เสียชีวิตก่อนวัยกันควร โดยเขามีอายุเพียงสามสิบต้นๆ ซึ่งเป็นขณะที่เขากำลังมีชื่อเสียง

โดยตำรวจพบศพของเขาในบ้านพักของเขาเองว่ามีสายรัดคอที่ทำให้เขาเสียชีวิต ตำรวนได้มีการสรุปคดีว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ในขณะที่ทางญาติๆค้านว่า คิมกวางซกถูกฆาตรกรรมต่างหาก แต่กระนั้นก็ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาฆ่าตัวตายทำไม หรือ ใครฆ่าเขากันแน่…


คิมกวางซก เป็นชาวแทกูโดยกำเนิด จึงไม่แปลกที่ ที่นี่มีถนนแห่งนี้ไว้รำลึกถึงคิมกวางซก

เดินเล่นที่นี่เขาจะเปิดเพลงของคิมกวางซกคลอๆ ตลอดทางเดิน บางวันก็จะมีนักดนตรีแบบวณิพกมาแสดงด้วย


นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกับภาพวาดบนผนังที่นี่ แต่วันนี้ค่อนข้างเงียบ หลายร้านก็ปิด มีเพียงร้านเล็กๆ ที่ยังเปิดขายของกันบ้าง ถนนนี้จะมาถ่ายรูปกับภาพวาดตอนไหนก็ได้ ถ้าไม่ซื้ออะไร ก็ฟรีค่ะ ที่นี่

จากถนน กิมกวางซก เดินไปทาน ซี่โครงผัดเผ็ด หรือ จิมกาลบิ (Jjim galbi) เมนูดังของแทกู ที่ถนน Donjin Jjimgalbi Street ซึ่งห่างจาก ถนน คิมกวางซก เพียง 1 กม



ร้านที่เราตั้งใจจะไปทานคือร้าน Bongsan แต่พอมาถึง ร้านเขาปิดค่ะ แต่จริงๆ ซอยนี้ทั้งซอยก็ขายเหมือนกันหมดทุกร้าน

เพียงแต่วันนี้มีแค่สองร้านที่เปิดขาย และร้านนี้กวักมือเรียกลูกค้าดี เราก็เลยมาทานที่ร้านนี้ ออลซางจิมกาลบิ (월상 찜갈비)

ซี่โครงผัดเผ็ดที่นี่  มีสองราคาให้เลือก คือ ซี่โครงวัวในประเทศชุดละ 28,000วอน ส่วนซี่โครงวัวจากเมืองนอกจะถูกกว่า ชุดล่ะ 18,000วอน

ที่นี่เขาใช้ซี่โครงวัว ฮันวู(한우 Hanwoo)100% ซึ่งเป็นซี่โครงจากวัวพันธ์ุดังของเกาหลี และเขาถือว่าของจากต่างประเทศต้องแช่แข็งมา แต่ของในประเทศมันจะสดกว่า ก็วัวในประเทศก็เลยแพงกว่าค่ะ


ซี่โครงผัดเผ็ดนี้จะเสริฟกับ กิมจิแบบดองไม่ใส่พริก เพราะตัวซี่โครงก็เผ็ดอยู่แล้ว จะทานแบบห่อทานกับใบงา หรือใบผักสดๆ

ถึงแม้จะเป็นซี่โครงจากวัว แต่ว่า เขาก็ผัดเคี่ยวแล้วไม่ ทำให้เนื้อไม่เหนียว แต่นุ่มและเคี้ยวอร่อย ไปเลย

หรือ จะสั่งข้าวสวยร้อนๆมาทานเพิ่ม (ถ้วยละ 3000วอน) หรือจะทานแบบชาวเกาหลี ก็คือ เอาเนื้อห่อทานกับผัก แล้วพอทานเนื้อหมด เหลือแต่พริกแกงก็ค่อยเอาข้าวไปคลุกทานตบท้ายค่ะ


ร้านนี้ก็อร่อยนะคะ เจ้าของร้านและพนักงานก็หน้าตายิ้มแย้มให้บริการดี
มื้อนี้ รวมจ่าย 34,000วอน สำหรับเราสองคน แต่อิ่มมากๆ เลย

เมนูดังอื่นๆที่แทกูยังมีอีกมากมายให้ลอง แต่เราไม่ได้ไป เช่น กระเพราะไก่(กึ๋น Chicken Gizzards)ที่ตลาด พย่องฮวา(평화 시장) ที่นั่นจะมีหมู่บ้าน 닭 똥집골묵 (นั่งแท็กซี่ไม่ไกลจากสถานีโดงแทกู)ซึ่งเมนูหลักจะมีกระเพราะไก่เป็นวัตถุดิบหลัก โดยเขาว่าให้ไปลองที่ร้านดังที่ชื่อ닭 오리집 (ตั๊ก โอรี จิบ)  ซึ่งเขาจะมีหลากหลายเมนู ไม่กว่าจะเอาไปผัดกับกระเทียม ทอดกรอบฯลฯ

และอีกเมนูหนึ่งคือ ไส้หมูย่าง (곱창 Entrails) ที่ถนนอันจีรัง (안지랑) ซึ่งเขาจะทานเหมือนปิ้งย่างเกาหลี ร้านที่รายการในเกาหลีแนะนำคือ 똔돈이 คนที่นี่เขาชอบทานเครื่องในสัตว์เหมือนกันนะเนี่ย…




จากตรงนี้ไม่ถึง 1กม ก็เป็น โรงแรม Rivertain ที่เราจะพักคืนนี้ โรงแรมนี้ อยู่ใกล้กับ city hall และไม่ใกล้จากถนนช้อปปิ้งดังของที่นี่ ถนน Deongseongno (โรงแรมในย่านนี้ ที่เราจองไม่ทัน ก็คือ Novotel)


เรามาถึง โรงแรมตอนบ่ายโมง ซึ่งเขาให้เช็คอินบ่ายสามโมง (บาง รร ให้เช็คอิน 5โมงเย็น!!!)
แต่เรามาแอบลองถามดูว่าเช็คอินก่อนได้ไหม ปรากฎว่าห้องยังไม่พร้อมค่ะ ก็เลยฝากกระเป๋าแล้วไปเที่ยว E-World กัน (ให้น้องที่โรงแรมโทรเช็คให้ก่อนว่า วันนี้ E-World เปิดไหม?)


จากโรงแรม นั่งรถแท็กซี่ไป E-World ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที โชคดีที่ช่วงนี้มีโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในราคาเดียวกันหมด (ทุกเพศทุกวัย) คือ คนละ 23,000วอน เป็นราคารวมค่าเครื่องเล่นทุกอย่างใน1วัน อยู่ได้จนสวนสนุกปิด (จากราคาปกติของพวกเราคือคนละ 42,000วอน)

ขาเข้าไปเรานั่ง cable car ขึ้นไปที่ อาคาร 83 ก่อนเลย อาคารนี้สูงถึง 83 ชั้น แต่จริงๆ มีไม่กี่ชั้นที่ตรงฐาน และตรงด้านบน  ขึ้นอาคารนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกคนละ 5000วอน แถมตอนนี้ไปได้แค่ชั้น 76 ส่วนชั้นอื่นๆ โดยเฉพาะชั้น 83 ยังไม่เปิดให้บริการ (ไม่น่าเก็บเงินเพิ่มเลยนะเนี่ย!!!)

ขึ้นไปก็ไม่มีอะไร นอกจากวิว…มีสกายจั้ม ที่น่าสนใจ แต่วันนี้ไม่เปิดให้บริการ

เครื่องเล่นที่นี่ หากใครเคยไปสวนสนุกใหญ่ๆ อย่าง ดีสนีย์ หรือ ยูนิเวอร์แซลฯมาแล้ว ที่นี่อาจจะดูเด็กๆไป
รุ่นใหญ่แบบพวกเราก็เล่นได้แค่ Sky Drop เสียวท้องวาบๆดี เพราะขึ้นไปสูงถึง 125เมตร แล้วปล่อยดิ่งลงมาทีเดียว สนุกดี


ที่นี่มีบัตรแบบเฉพาะเข้าตอนเย็น (หลังห้าโมงเย็น) ขายด้วย จะถูกกว่าแบบทั้งวัน โดยเขาจะเปิดไฟทั่วทั้งสวนสนุก เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป ฯลฯ

สรุปตรงนี้เราสองคน เสียค่าเข้า และค่าขึ้นชมตึกไปทั้งหมด 56,000 วอน ถามว่าคุ้มไหม? คำตอบคือ เราแก่เกินไปสำหรับที่นี่

จริงๆ จากตรงนี้เรากลับไปเช็คอินที่ โรงแรม เพราะบ่ายสามโมงแล้ว แต่ถ้าไม่จองโรงแรมแนะนำให้ไปเดินช้อปปิ้งต่อที่ถนน Deongseongno เลยค่ะ



ถนนDeongseongno นี้คล้ายๆ กับถนนช้อปปิ้งในย่านเมียงดงในเมืองโซล (หรือเปล่านะ?) เพราะที่นี่ มีครบเกือบทุกร้านที่ชาวเกาหลีพึงจะมี ครบครันทั้งเสื้อผ้า แบรนด์ในและแบรนด์นอก เครื่องสำอางค์และ อาหาร ฯลฯ

แม้คืนนี้ จะเป็นคืนเทศกาลชูซก(Chuseok) แต่ที่นี่คนก็เยอะอยู่นะ (เยอะกว่าทุกที่ที่ไปมาวันนี้) ที่นี่เขาว่าจะมี Grand Saleทุกปี ถ้าอยากจะมาช่วงนั้นให้กูเกิ้ล ว่า Daegu Grand sale ในปีนั้นๆค่ะ

เราเดินกันแบบไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไร และไม่คิดจะซื้ออะไร (ก็ทุกอย่าง เราหาซื้อที่ปูซานได้)
แต่เรามาหยุดทานอาหารที่ร้านนี้ เห็นคนมุงกันเยอะมาก และเขามี Flat dumplings “นับจัค” (납작만두) ที่เราตั้งใจจะมาลองทาน (เขาว่ามีแต่ที่แทกูเท่านั้น ที่เป็นเหมือนแผ่นเกี้ยวบางๆ ไม่มีไส้ข้างใน)

สรุปแบบธรรมดา มีไส้อร่อยกว่า…กินทำไม แป้งเกี้ยว บางๆ ไม่เข้าใจ!

ย่านนี้ยังมีร้านขนมปังชื่อดัง บ้านขนมปังซัมโซง (삼송 빵집 Samsong pangjib) ที่เราเดินหากันในตอนเช้า เขามีขนมปังดังๆ โดยเรียกว่า มายักปัง (Ma yak pang) เขาว่าคำว่ามายัก แปลว่า ยาเสพติด เลยเป็นที่มาว่า ใครมากินขนมปังที่นี่จะติดใจ ไส้ที่เขาแนะนำให้ทานคือไส้ข้าวโพดหวาน (통옥수수빵) ก็หวานมันดี

แต่เรามาชอบขนมโมจิไส้ถั่วแดงของเขามากกว่า เพราะแป้งนิ่ม อร่อย เหมือนโมจิญี่ปุ่น (ปกติโมจิของเกาหลีจะแข็ง เน้นแป้งให้เคี้ยวกัน)  อร่อยจนลืมถ่ายรูปชัดๆ  (ภาพล่าง ขนมกลมๆ แบบโมจิๆ ไส้ถั่วแดง)

แต่…ตอนขากลับ เราเพิ่งเห็นว่ามีร้านนี้ที่สถานีรถไฟDongdaeguด้วย!!! และที่ปูซาน ก็มีที่ Shinsegae ที่ Centum city ด้วย

*ร้านซามโซงปังจิบ สาขาในชินเซเก Shinsegae ที่เซ็นทัม ซิตี้ (Centum City Station (Green Line)), ปูซาน

หากเป็นวันปกติ ไม่ใช่วันหยุดของชาวเกาหลี มื้อเย็นที่แทกู แนะนำ ที่ตลาดซอมุน (Seomun) ซึ่งห่างจาก โรงแรมเราเพียง 10-15นาที แต่พอเราไป ตลาดปิดทั้งตลาดเลยค่ะ ดังนั้น จำไว้เลยค่ะ ว่าวันชูซก ไม่ต้องไปตลาดนี้

ขนาดวันรุ่งขึ้นเรากลับไปตลาดนี้อีกรอบตอน9โมงเช้า ตลาดก็ยังปิดเงียบอยู่…

จบทริปวันนี้เท่านี้ ซึ่งเราออกจากบ้านที่ปูซาน 9โมงเช้า เที่ยวแบบชิวๆ เราเดินกลับไปพักโรงแรมตอนสองทุ่ม แต่ถ้าจะกลับปูซาน ก็น่าจะถึงบ้านที่ปูซานประมาณ 4-5ทุ่ม อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ประหยัดค่าโรงแรม

วันเดียวเดินเที่ยวกันไปแค่ 14กิโลเมตรกว่าๆ เองนะ

แต่คืนนี้เรานอนที่โรงแรม Rivertain ค่ะ ค่าโรงแรม ที่เราจองค่อนข้างช้า เลยได้เรทแพงไปนิดคือ 160,000วอน (ห้องแบบมาตรฐาน) รวมอาหารเช้า แต่เราออกไปทานแมคโดนัลกันที่ถนน Deongseongno

โรงแรมนี้ใหม่ (เพิ่งเปิดเมื่อ กค 2019) ดูปลอดภัยดี ขนาดเราอยู่ชั้น3 ยังมีเครื่องโรยตัวให้เวลาฉุกเฉินหรือหากเกิดเหตุฯแล้วต้องปีนออกทางหน้าต่าง แถมมีตู้รีดผ้าอัตโนมัติด้วย

ข้อเสียของที่นี่คือ ห้องน้ำ ในส่วนฝักบัว ถ้าอาบน้ำแล้ว น้ำจะไหลนองทั่วห้องน้ำเลย และแอร์ไม่เย็นเท่าไร ขนาดตั้งอุณหภูมิที่ 18องศาเซลเซียส


อ้อ ข้างๆ โรงแรมมีร้านกาแฟ น่ารักๆ และรสชาดดี เป็นร้านกาแฟที่ชงให้สดๆ แต่เขาอัดใส่กระป๋อง(Can) ให้ค่ะ อยากดื่มก็ค่อยเปิดทานเหมือน กระป๋องน้ำอัดลมเลย แต่ราคาก็แอบแพง (สมมติร้านอื่น 3,300วอน เป็นแก้วพลาสติกธรรมดา ที่นี่จะ 3,800วอน แต่ได้กระป๋องไปเลย)

จบทริปที่แทกูกันแบบง่ายๆ แค่นี้

หากจะมาแทกู  แนะนำให้มาช่วงต้นๆ ปี หรือ ปลายๆ ปี เพราะแทกูเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา เวลาหน้าร้อนจะอมความร้อนไว้ จึงไม่แนะนำให้มาช่วงหน้าร้อน (มิถุนายน ถึง สิงหาคม) เพราะที่นี่จะร้อนมากๆๆๆๆ
เมืองข้างๆ แทกู ที่น่าสนใจและสามารถทำทริปต่อเนื่องกันได้ ก็คือเมือง คยองจู (Gyeongju) เลยไปนิดก็คือโพฮาง (Pohang) เวลามาจะได้วางแผนเที่ยวแบบรวดรัดและรวมกันได้ แบบ 2-3วันก็กำลังดีนะ

เดินทางวันที่ 13-14 กันยายน 2562



About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *