แช่ออนเซนส่วนตัวที่ญี่ปุ่น ไม่แพงอย่างที่คิด

วันนี้เราจะเดินทางออกจาก สถานีชินจุกุ ใน โตเกียวไปแช่ออนเซนส่วนตัวกันที่ฮาโกเนะกันค่ะ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากประเทศไทย ขอแนะนำ

เดินทางไปญี่ปุ่น กับ Traveloka  ที่สามารถเช็คอินออนไลน์กับ Traveloka ผ่านแอพลิเคชั่น หรือ หน้าเว็บได้เลย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/checkin

>>English Version
ต้องขอยอมรับก่อนว่า เราไม่เคยได้ยินหรือรู้อะไรเลยเกี่ยวกับ เมืองฮาโกเนะ จนกระทั่งพยายามหาข้อมูลที่แช่ออนเซนส่วนตัวในโตเกียว แล้วหลายๆ รีวิวก็แนะนำที่ฮาโกเนะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว

ที่สำคัญ พวกเราไม่ได้ไฮโซอะไร ถึงขนาดที่จะต้องแช่ออนเซนแบบส่วนตัว แต่ความจริงคือพวกเราอาย ไม่กล้าไปนั่งแช่รวมกับคนอื่นๆ ไม่รู้ทำไม ยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งอาย

การเดินทางระหว่าง โตเกียว กับ ฮาโกเนะ ก็ง่ายๆ มากๆ นั่งรถไฟต่อเดียวเอง!
โดยจาก สถานี Shinjuku ไปลงที่ สถานี Hakone Yomoto (ฮาโกเนะ โยโมโตะ) เพียงแค่ 80นาที แต่ค่ารถไฟแบบพิเศษ รวดเดียวถึงนี้ ราคาประมาณคนละ 660บาท (ไปกลับก็ 1320บาท)  แต่ถ้าซื้อตั๋วแล้วราคาถูกเหลือเชื่อ คือถูกกว่าครึ่งนึง น่าจะเป็นตั๋วแบบเราต้องไปต่อรถไฟอีก อันนี้ไม่แนะนำนะคะ เพราะเดี๋ยวหลง!
แถมขากลับ อยากกลับตอนไหน ก็ค่อยเดินไปซื้อตั๋วกลับ ง่าย สะดวก สบายมากๆ ค่ะ

ออนเซนที่เมืองฮาโกเนะเป็นที่นิยมทั้งกับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
พวกเราไปแช่ออนเซนที่ Hakone Yuryo. (ฮาโกเนะ ยูเรียว อ่านว่า ฮาโกเนะเยอโย่ กันตลอดทริป555) ที่นี่เขามีเว็บ และเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะ walk-in เข้าไปใช้บริการ หรือ จะจองผ่านอีเมล์เหมือนพวกเรา ก็สามารถทำได้สะดวกสบาย (email yuryo@hakoneyuryo.jp) ที่นี่เขาไม่มีที่พักให้นะคะ มีแต่ออนเซนให้แช่รายชั่วโมง มีบริการนวด และก็ร้านอาหาร ให้บริการเพิ่มอีกด้วย
บ่อแบบรวมเขาก็มี (แต่แยกชาย หญิง) แต่เราขอเน้นห้องแบบส่วนตัว ซึ่งเขามีให้เลือกถึง 3แบบ 3ราคา
เราสองคนต้องขนาดที่ 3 เลยค่ะ เพราะกลัวว่าจะลงแช่พร้อมกันไม่ได้…555
ซึ่งเราสามารถจองแบบ ชั่วโมงครึ่งก็ได้ โดยสนนราคารวมประมาณ 2,700บาท จริงๆ แล้วห้องนี้เขาอนุญาติให้เข้าได้ถึง 4คน แล้วต่อด้วยนวดตัวอีกคนละ 45นาที หรือประมาณคนละ 1500บาท
สรุปค่าใช้จ่ายเบื้องต้นวันนี้ ก็ประมาณเกือบๆ คนละ 5000บาท (ค่าเดินทาง ค่าแช่ออนเซน ค่านวด)
ออนเซนที่ ฮาโกเนะยูเรียว มีข้อห้ามหลักๆ คือ เขาไม่อนุญาติให้คนที่มีรอยสัก ลงแช่ในอ่างออนเซนนะ
แต่อย่างไรเสีย ถ้าหากวางแผนเที่ยวดีๆ ที่ฮาโกะเนะ มีที่เที่ยวหลายที่ แต่ทริปนี้ เราเตรียมตัวมาแค่แช่ออนเซน

วันก่อนวันเดินทาง…เรามาสำรวจสถานี ชินจุกุ ว่าเราจะซื้อตั๋วไปฮาโกเนะยังไง?

ก็สถานีชินจุกุเขาใหญ่โตกว้างขวาง ก็คือว่าเป็นการเตรียมตัวที่ดีที่เราแว่ะมาดูก่อน แล้วก็ซื้อตั๋วล่วงหน้าไปเลย

หากมาถึงสถานีชินจุกุ แล้ว ให้มองหาทางไป ODAKYU LINE ซึ่งเป็นรถไฟสายที่เราจะเดินทางไป ฮาโกเนะ ซึ่งเราไปที่ SOUTH CONCORDE Gate ที่นี่จะมีศูนย์อาหาร MYLORD อยู่ในตัวอาคารติดกันเลย

พอวันเดินทาง ก่อนขึ้นรถไฟที่สถานีชินจุกุ เราแว่ะไปที่ห้าง Keio (อยู่ในสถานีใต้ดินนั่นแหล่ะค่ะ ถ้าโชคดีจะเดินไปเจอทางเข้าห้างฯ 555)

ห้างฯ Keio นี้เปิดประมาณ 10โมงเช้า เราไปถึงก่อนนิดหน่อย ไปยืนรอห้างฯเปิด คนรอกันแน่นทางเข้าห้างฯ เลย

ข้างในมีซุปเปอร์มารเก็ตที่จะเราสามารถแว่ะซื้อ น้ำ ขนม เอาติดตัวไปทานบนรถไฟได้
เราหันไปเห็นคนญี่ปุ่นยืนต่อแถวกันยาว ที่ร้าน New York Cheesecake นอกจากแถวจะยาวแล้ว เขาขายดีมากจนต้องจำกัดจำนวนสินค้าที่คนหนึ่งจะซื้อได้อีกด้วย ว่ากันว่า ร้านนี้มีคนมาต่อแถวตลอดวัน ตลอดเวลา จนกว่าขนมจะขายหมดเลยค่ะ

แต่เราไม่มีเวลามาต่อแถว หากใครมีโอกาสได้ลอง คอมเม้นต์มาบอกกันบ้างนะว่าอร่อยแค่ไหน…ไปกันต่อดีกว่า

รถไฟที่จะเดินทางไปฮาโกเนะ
แนะนำว่า อย่างน้อยเราต้องมายืนรอรถไฟของเราก่อนเวลาออกเดินทางสัก 15-20 นาที เพราะว่า ที่นี่รถไฟเขาออกตรงตามเวลา

ตอนแรกนึกว่ามีแต่พวกเราที่ถ่ายรูปกับรถไฟ นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็ถ่ายรูปกันยกใหญ่เลย…
ในรถไฟ เขามีห้องน้ำให้บริการด้วย แต่เรานั่งกันสั้นๆ ยังไม่ทันได้ใช้บริการ…

แถมมีเครื่องดื่ม ขนมคบเคี้ยวขายด้วย

เที่ยวรถไฟที่เราเดินทางนั้น หน้าตั๋วที่เราซื้อ บอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 80นาที ดังนั้น ถ้าหากจะงีบก็ตั้งนาฬิกาปลุกไปเลยสัก 70นาที อีกอย่างเราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าถึงหรือยัง

จริงๆ สถานีที่เราลงก็คือสถานีปลายทาง สถานีสุดท้ายนั่นแหล่ะค่ะ โอกาสจะหลงก็มีเพียงแค่ รีบลงไปเกินไป ลงแล้วลงผิดสถานี 55
แต่พอถึงแล้วก็เดินออกเลย เพราะทางออก หรือ ทางเข้าสถานีนั้น มีเพียงทางเดียวเท่านั้น
แต่ถ้าเดินจากสถานีแล้ว อย่าเลี้ยว ให้เดินตรงไป แล้วลงบันได จะเห็นที่รอรถมินิบัสของ ฮาโกเนะ ยูเรียว
ถ้าลงมาแล้วไม่เจอรถมินิบัสจอดรออยู่ ก็ให้ยืนรอแป่บเดียว
ตรงนี้มองรอบๆ ถนนด้านล่างของสถานีรถไฟฯ เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของชำร่วยเต็มสองฝั่งถนนเลย เดี๋ยวไปแช่ออนเซนก่อน แล้วจะกลับมาช้อปต่อที่นี่…
นั่งรถมินิบัสที่เขามารับ (ฟรี) นั่งเพียงไม่กี่นาที ก็ถึง ฮาโกเนะยูเรียว แล้ว
อ้อ ระหว่างทาง เราผ่าน “Forest Adventure Hakone” ดูเหมือนกิจกรรมสันทนาการ ปีนต้นไม้ ฯลฯ ดูน่าจะเหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่น หรือ ครอบครัวที่ชอบกิจกรรมผาดโผน
เมื่อมาถึง ฮาโกเนะ ยูเรียว เราก็เดินเข้าไปที่เค้าน์เตอร์ พร้อมแจ้ง ชื่อการจอง ฯลฯ น้องๆ เจ้าหน้าที่ก็มีข้อมูล ทุกอย่างเรียบง่าย และดูชำนาญงานมากๆ ค่ะ

จากนั้นเขาก็มีตะกร้าพร้อมผ้าขนหนูคนละสองผืน พร้อมชุดยูคาตะ ให้คนละชุด..

เรียบร้อยก็เดินเข้าห้องที่เราจองไว้

จังหวะที่เราวิ่งไปห้องน้ำ ซึ่งเขาจะแยกห้องน้ำไว้ด้านนอก คุณทิมไม่รอถ่ายรูปด้วยเลย แกอาบน้ำ แล้วกระโดดลงไปแช่ก่อนเลย…

หมดกัน..ที่ว่าจะถ่ายรูปสวยๆ กันก่อนจะแช่
ห้องที่นี่ เป็นห้องที่เปิดด้านหลัง มองออกไปมีแต่ต้นไม้ ป่าเขา (น่าจะไม่มีใครมาแอบดูนะ)
แต่ไม่รู้จริงเท็จประการใด ที่ว่า เราไม่ควรแช่ออนเซนเกินกว่า 15นาที พวกเราก็เลยแช่15นาที พัก 15นาที แล้วค่อยแช่ต่อ

ในห้อง เขามีคุกกี้เต้าหู้ให้ลองทานฟรีด้วย เหมือนคุกกี้นมแต่มีกลิ่นนมเต้าหู้

ตอนแรกนึกว่า 1.5ชั่วโมงจะยาวนาน แต่แช่ออนเซนบ้าง พักบ้าง เผลอๆ แค่แป่บเดียวเองค่ะ

โดยอุณหภูมิที่เราแช่ จะอยู่ที่ประมาณ  41-42°c (105.8-107.6°F) ก็เรียกว่าร้อนมาก (ลืมซื้อไข่มาลองลวกเลย)

แม้ว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่เรามา อากาศจริงๆ นั้นหนาวมาก อย่างวันนี้อากาศอยู่ที่ 5-10°c (41-50°F) แต่พอแช่ออนเซนแล้ว ไม่รู้สึกว่าหนาวเลย

ร้อน แต่พอแช่เสร็จแล้ว รู้สึกสดชื่นมากๆ อิจฉาคนญี่ปุ่นก็ต้องนี้แหล่ะค่ะ

ก่อนหมดเวลาที่จองไว้ เรารีบอาบน้ำแต่งตัวไปนวดกันต่อ

ต้องขออนุญาติตัดภาพตอนนวดไป ไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะพอเขาเริ่มนวด พวกเราก็หลับคามือหมอนวดกันเลย 555

ทริปนี้ ถือเป็นทริปรางวัลชีวิต ได้แช่ออนเซนญี่ปุ่นกันแล้ว!

เสร็จสรรพจ่ายเงิน แล้วก็นั่งรถมินิบัสกลับมาที่สถานีรถไฟฯ (ที่เดิม) ก่อนอื่นเราขึ้นไปซื้อตั๋วรถไฟสำหรับเดินทางกลับไปชินจุกุที่โตเกียวก่อน โดยเราสามารถเลือกซื้อเวลากลับตามที่เราต้องการได้

โดยเราเผื่อเวลาสำหรับเดินช้อปปิ้งข้างล่างไว้ประมาณ 1ชั่วโมง

ก็สองฝากฝั่งของถนนที่สถานีรถไฟ ฮาโกเนะ โยโมโตะ มีร้านค้าเต็มไปหมดเลยค่ะ โดยส่วนใหญ่ก็เป็นของฝาก ขนม ของพื้นเมือง ฯลฯ แถมยังมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายอีกด้วย
แต่ไม่รู้ทำไม หลังจากแช่ออนเซนแล้ว พวกเราไม่หิวอะไรเลยค่ะ ก็เลยได้แค่เดินซื้อของชำร่วย ขนมทานเล่น กันไป
แต่เราเห็นว่ามีไข่ดำขายกันเกือบทุกร้าน เราเป็นพวกบูชาของดำ เลยลองซื้อมาลองทานดู มันคือไข่ต้มมีรสเค็มหน่อยๆ ค่ะ
ตรงข้ามสถานีรถไฟฯ มีแม่น้ำ โดยอีกฝั่งของแม่น้ำจะมีโรงแรม Yumoto Fujiya Hotel นี่ถ้าเราได้มีโอกาสกลับมา ฮาโกเนะอีก สงสัยต้องจอง รร ที่นี่สะแล้ว
ถึงเวลาเดินทางกลับโตเกียวกันแล้ว ขากลับไม่รู้ทำไม จะนานกว่าขาไป
แล้วพอมาถึงที่สถานีชินจุกุ ที่โตเกียว ก็เป็นเวลาเกือบ 6โมงเย็น เริ่มหิวพอดี
ทางออกรถไฟนั้นมีศูนย์อาหารชื่อ MYLORD อยู่ ซึ่งเป็นตัวอาคารหลายชั้น และมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย แต่เราตามรอยเหล่ายูทูปเบอร์ เพื่อจะลอง ราเมน ที่ร้าน Mensho San Francisco
โดยราเมน ร้านนี้อยู่ที่ชั้น 7 และราเมนที่เขาเลื่องลือกันก็คือ ราเมน กับเนื้อวากิว เกรด A5
เนื้อวากิวเกรด A5 คืออะไร เขาว่า เป็นเกรดท้ายๆ (แล้วแต่คนชอบ) โดยเกรดที่ดีที่สุดคือเกรด A1
นี่แหล่ะโฉมหน้าราเมนที่พวกเราตามหา!
ตอนทานยังไม่ได้คิดอะไร เพราะว่า กำลังหิว แต่พอทานเสร็จ เฮ้ย นี่เราทานราเมนชามละ เกือบ 600บาท เหรอเนี่ย???
แต่ประเด็นคือ เจ้าเนื้อวากิว เกรดA5 ที่มีขนาดเท่ากับกระดาษ A4นั้น ดูเหมือนจะชิ้นใหญ่นะคะ แต่บางมากๆ

ขยุ้มเนื้อขึ้นมา ทานได้แค่คำเดียวเอง ที่เหลือก็คือเส้นราเมน…อืม มันจะไม่ค่อยอร่อย ตรงที่ท้ายๆ ได้ทานแต่เส้นกับน้ำซุป 555

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่เราประทับใจมากวันหนึ่ง ของทริปในโตเกียวครั้งนี้

ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวฮาโกเนะ ก็ลองๆ อ่านหลายๆ รีวิวดู เพราะที่นี่เป็นเมืองที่น่าสนใจเมืองหนึ่ง แถมอยู่ไม่ไกลจากภูเขาฟูจิอีกด้วย!

อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=vIapoWBZAGg&t=323s


สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากประเทศไทย ขอแนะนำ

การเดินทางไปญี่ปุ่น กับ Traveloka  ที่สามารถเช็คอินออนไลน์กับ Traveloka ผ่านแอพลิเคชั่น หรือ หน้าเว็บได้เลย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-japan

 

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *