1/3 เกาะเชจู (เจจู) เกาหลีใต้ วันแรกที่มาถึง

มาถึงสนามบินเชจู รับรถเช่า แว่ะทานบาร์บีคิวหมูดำ เช็คอินโรงแรมลอตเต้ แล้วไปไนท์มาเก็ต

(English)
ทริปนี้ เราจองตั๋วเครื่องบินช้าไปนิดหนึ่ง ก็เลยได้เที่ยวบินตอนเที่ยง แม้จะเป็นเที่ยวบินสั้นๆ แต่กว่าเราจะไปถึงสถานบินเชจูก็เกือบบ่ายสามโมง


เป็นครั้งแรกที่เดินทางด้วยสายการบินเกาหลี แบบภายในประเทศเกาหลีใต้ จากสนามบินปูซาน (ตึกของสายการบินภายในประเทศ จะอยู่ถัดไปจากตึก ภายนอกประเทศ แค่นิดเดียว)


สายการบินเกาหลี (Korean Air) เขามีเล้าจ์ของสายการบินเขาอยู่ข้างนอกgate ปกติเคยเจอแต่อยู่ข้างใน แบบเช็คตั๋วแล้วเดินเข้าไป แปลกดี นั่งได้สักพัก (มีเพียงเครื่องดื่ม และของทานเล่น) แล้วก็ต้องเดินเข้าไปนั่งรอด้านใน



วันนี้คนเดินทางไปเกาะเชจูกันแบบครอบครัว เด็กเล็กๆ เต็มเครื่องบินเลย เพราะนอกจากเป็นช่วงวันหยุดแล้ว ตอนนี้เกาหลีใต้มีกรณีพิพาทกับญี่ปุ่น ทำให้นักท่องเที่ยวที่คิดจะไปญี่ปุ่นเปลี่ยนแผนไปเกาะเชจูกันคะ…

บินกับสายการบินเกาหลีแท้ๆ ดูแลดี แต่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทานบนเครื่อง555 แต่จริงๆ แล้วใช้เวลาบินบนอากาศเพียง 30-35 นาทีเองค่ะ คือ พอเครื่องขึ้นได้ระดับเขาก็จะเสิรฟเครื่องดื่มมาให้ ก็แอบคิดในใจ ทำไมแก้วเล็กจัง พอสักแป่บเดียว เขาก็มาเก็บแก้ว เพราะเครื่องจะลงแล้ว เรียกว่า เร็วมากๆ

มาถึงสนามบินเชจู ซึ่งเป็นสนามบินไม่ใหญ่มาก รับกระเป๋า เราก็เดินออกไปตามป้ายรถเช่า…


ที่สนามบินมีโบรชัวร์เกี่ยวการการท่องเที่ยวในเกาะเชจูไว้บริการฟรีมากมาย…แต่เอารถเข็ญไว้ข้างๆ ก็ดีนะคะ ให้คนอื่นเขาเข้าไปได้บ้าง (คนเกาหลี เขาจะไม่ค่อยสนใจว่ามีคนต่อคิว เขาจะเรื่อยๆ ชิวๆ จนกว่าเขาพอใจเขาถึงจะถอยให้คนอื่นค่ะ…)



ไปถึงก็เดินไปเค้าเตอร์เพื่อรับรถเช่า ครั้งนี้เราเช่ารถผ่าน Hertz ซึ่งทางเค้าเตอร์เขาจะเช็คเอกสารเบื้องต้น และให้เดินไปขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ตึกรถเช่า


ใช้เวลาเกือบๆ 15นาทีบนรถบัส พอลงจากรถบัส คนเกาหลีเขาจะวิ่งกรูไปที่ตู้ออกบัตรคิว ซึ่งก็ไม่รู้จะรีบอะไรขนาดนั้น…

แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ เขาจะมีแค่เค้าเตอร์เดียวให้บริการ โชคดีที่วันนี้มีคิวก่อนหน้าเราแค่คิวเดียว


ตรงนี้เขาก็จะดูใบจองรถที่เราจองไว้ เช็คใบขับชี่ระหว่างประเทศ และใบขับขี่ (ใช้คู่กัน) แล้วจะมีน้องๆ ให้รอให้บริการ ซึ่งก็ถือว่ารวดเร็ว ไม่ยุ่งยากมาก แถมรถที่เราได้ก็ได้ประกันแบบชั้น 1ด้วย สนนราคาเช่า คือ 3วัน 80,000วอน มีค่าเติมน้ำมันตลอดทริปของพวกเราคือ 67,000วอน รวมแล้วมีค่าใช้จ่ายตรงนี้ประมาณ 147,000วอน สำหรับ 3วันของพวกเรา (~3,780บาท)

โชคดีที่เช่ารถ เพราะเราก็นึกไม่ออกว่าจะเดินทางรอบเกาะเชจูนี้ได้อย่างไร

หลังจากรับรถแล้ว เราแว่ะทานบาร์บีคิวหมูดำ หมูที่นิยมเลี้ยงบนเกาะเชจู ที่ร้าน“Donsadon”นี้มีคนรีวิวเยอะมาก เป็นร้านที่มีดาราดังๆ มาทานกันเยอะ ร้านนี้ที่เราเห็นจะมีสองสาขา คือไม่ใกล้ไม่ไกลจากสนามบิน และแถวๆ Jongmun Resort (ที่นี่เป็นร้านในตึกแถวเล็กๆ)

เราแว่ะทานที่นี่แหล่ะ หน้าร้านจะอ่านยากหน่อย เพราะตอนนี้ยังไม่มีป้ายภาษาอังกฤษ ให้ดูรูปเจ้าของเป็นหลัก แต่โชคดีที่ GPS มีบันทึกชื่อร้านเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยมาถูก




ที่จอดรถมีมากมาย เรามาถึงยังไม่สี่โมงเย็น ก็ไม่ค่อยยุ่งมาก แต่ก็คนเต็มร้าน (หากไปเวลาแบบพักเที่ยง หรืออาหารเย็น คิวจะยาวมาก) เข้าไปปุบจะเห็นรูปภาพเต็มไปหมด ซึ่งเราก็ไม่รู้จักเลยสักคน…

เมนูก็ยังเป็นภาษาเกาหลี แต่บอกเขาแค่ว่า สองคน หรือ 2 person

เขาก็วิ่งไปเอาหมูมาวางบนเตาให้เรา เป็นหมูก้อนโต หนึ่งก้อน และ หมูสามชั้น หนึ่งเส้น ตรงที่เป็นหนังจะเห็นขนดำๆ นี่เขาบอกว่าเขาตั้งใจเหลือไว้ให้เห็น เพื่อจะบอกว่า เป็นหมูดำ จริงๆ

หมูเขาตัดเป็นก้อนใหญ่มาก….แต่ละโต๊ะเขาก็มีพนักงานคอยดูแล พวกเรา และโต๊ะข้างๆ ผลัดๆ กันไป


ซึ่งเขาก็ทั้งปิ้งทั้งย่าง จนแม้กระทั่งหมูสุกและพร้อมทานเขาก็จะเสิร์ฟให้เราทาน การทานก็เหมือนทานหมูย่างเกาหลีทั่วไป หรือห่อด้วยใบผัก (แต่ที่นี่ไม่มีใบงา)


อร่อยดี แต่มันเหนียวๆ เพราะเป็นหมูสดๆ ไม่ได้หมักอะไรมาเลย

ยิ่งตัวหมูสามชั้นตอนทานมันหมูกระจายเต็มปากเลย เพราะเขาไม่มีน้ำจิ้มแซ่บๆ แบบบ้านเรา มีแค่เกลือ กับน้ำจิ้มที่เค็มนิดๆมาให้

สรุป ทานรวมๆ กันแล้วอร่อย แต่ไม่ได้แปลกอะไรมาก แต่ก็ชอบนะ
จริงๆ ไม่ต้องมาทานร้านนี้ก็ได้ เห็นร้านไหน สะอาด ดูดี ก็เข้าไปลองทานได้เลยค่ะ จะมีอีกร้านหนึ่งที่ได้ Michelin Star คือร้าน Dombedon (แต่พอได้รางวัลมีทัวร์ลงเยอะ แล้วหลังๆ มีรีวิวว่าบริการไม่ดี แต่เราไม่ได้ไปลองนะคะ น่าจะอยู่แถวๆ สนามบินเช่นกัน)




ทานเสร็จก็ขับท้องแน่นๆ ไปเช็คอินที่โรงแรม โดยครั้งนี้เลือกพักที่โรงแรม Lotte ซึ่งอยู่ทางใต้ของเกาะเชจู และห่างจาก สนามบินประมาณ 40-45 นาที

มาถึง โรงแรมแล้ว พนักงานที่นี่เยอะมาก คนที่เข้าพักที่นี่ส่วนมากมาเป็นครอบครัวใหญ่ และมีเด็กๆ เพราะจุดขายของโรงแรมน่าจะอยู่ที่หลังโรงแรมที่มีสวนน้ำขนาดใหญ่

ห้องที่เราจองวันนี้จะได้วิวด้านหน้าโรงแรม ห้องกว้าง เพดานสูง รวมๆ ก็ดี ถ้ามาอีกก็คงไม่พักที่นี่แล้ว  เพราะแพงไป…

พักแป่บนึงก็ออกไปตลาด Seogwipo Mae-il Olle Marketplace (ชื่อยาวมาก!) ซึ่งอยู่แถว Seogwipo ห่างจาก โรงแรมเราประมาณ 15-20 นาที นอกจากใกล้กับโรงแรมที่เราพักแล้ว ตลาดนี้เป็นตลาดเดียวที่ยังเปิดอยู่ เพราะตลาดนี้เปิดตั้งแต่เช้า และปิดประมาณ สี่่ทุ่ม

ทางเข้าตลาดมีที่จอดรถ (ราคาถูก) แต่ช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดของชาวเกาหลี รถก็เยอะมาก แต่ก็ไม่เลวร้าย เราจอดรถประมาณสองชั่วโมง ค่าจอดรถเพียง 1000วอน (30บาท)


พอได้จอดรถก็เดินตรงเข้าตลาด ด้านหน้ามีคนต่อคิวกันยาวเหยียด เดินเข้าไปข้างใน สินค้าหลักๆ คือ ส้ม ช่วงเดินสิงหาคม (หน้าร้อน) ก็จะมีส้มลูกเล็กๆ เราลองชิมแล้วชอบร้านนี้มากก็เลยซื้อกลับมาสองโล ราคาประมาณกิโลละ 8000วอน หรือ ประมาณ 240บาท


ไปๆ มาๆ ส้มที่นี่อร่อยกว่าที่ตลาดอื่นๆ เพราะอาจจะเป็นเพราะแม่ค้าให้ชิมกันทุกร้าน ชิมกันจนกว่าจะพอใจ

ตลาดนี้ไม่ได้มีขายแค่ส้มเท่านั้น แต่มีอาหาร ขนมอีกมากมาย ตามแบบฉบับตลาดทั่วไปในเกาหลี แต่เราลองทานขนมโมจิที่นี่ก็อร่อยดี มีถั่วเยอะมาก ยิ่งไส้ที่เขาเอาส้มสดๆ มาทำทำด้วย อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ยังไงมาแล้วก็ลองซื้อทานกันนะ

ที่เกาะเชจู ตอนกลางคืนไม่มีอะไรมาก หากไม่กินไม่ดื่ม พวกเราก็เลยกลับโรงแรม ไว้เตรียมตัวเที่ยวเต็มๆ วันต่อพรุ่งนี้…

>>วันที่สอง เที่ยวไปทั่วบนเกาะเชจู
>>วันที่สาม วันสุดท้ายเที่ยวเกาะเชจู

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *