2560 คริสมาสต์ที่ซีเอเทิล รัฐวอชิงตัน

ไม่รู้ว่าจะเรียกนี้ว่าทริปวันหยุดช่วงคริสต์มาส หรือทริปไปเยี่ยมพ่อของคุณทิมดี จริงๆ พวกเรานัดที่จะจัดงานคริสมาสสำหรับครอบครัวที่บ้านเรา (นิวส์ออลีนส์) แต่คุณพ่อสามีป่วยและไม่สามารถเดินทางได้ พวกเราเลยต้องเปลี่ยนแผนไปหาเขาที่บ้านของเขาที่รัฐวอชิงตันแทน
English Version
มีเพียงสายการบินอลาสก้าเท่านั้นที่บินตรง โดยจากนิวออลีนส์ไปที่ซีเอเทิล และใช้เวลาบินประมาณ 5 ชม
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเราบินกับสายการบินนี้ รวมๆ ก็สะอาด และบริการดี โดยทริปนี้มีคุณแม่ออกค่าตั๋วเครื่องบินให้พวกเราเพราะเขาบอกว่า ตามที่จริงเขาก็ต้องจ่ายเงินนี้เพื่อบินไปหาพวกเรา แต่ให้พวกเราบินมาหาเขา สะดวกกว่าเยอะ


นอกจากจะออกค่าตั้่วเครื่องบินไปกลับให้พวกเราแล้ว ยังซื้อตั๋วแบบ first class ให้พวกเราอีกด้วย

เราสองคนเดินทางพร้อมเจ้าหมาจัมไม เพราะช่วงวันหยุดยาวคริสมาสต์เช่นนี้ หาคนมาดูแลไม่ได้ อุ้มไปด้วยเลยดีกว่า
ในการจองเครื่องบินที่จะเดินทางพร้อมกับสัตว์เลี้ยง ต้องโทรฯจอง พร้อมแจ้งให้เขาทราบก่อนว่าจะเดินทางพร้อมสัตว์เลี้ยง เพราะแต่ละเที่ยวบินนั้นจำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงบนเครื่อง แต่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินเฉพาะเราสองคนไปก่อน แต่หมาจัมไม ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมที่เค้าน์เตอร์ตอนเช็คอิน เที่ยวบินละ $100 หรือประมาณ 3500 บาท จ่ายตอนเช็คกระเป๋าขึ้นเครื่อง

แต่แปลก… ขาไม่ขอดูใบวัคซีนอะไรเลยของสุนัขเราเลย ซึ่งพวกเราเตรียมมาเป็นแฟ้มประวัติ ต่างกับวันก่อนเดินทาง พาหมาจัมไมไปอาบน้ำ ทางร้านบอกว่า ไม่รับถ้าไม่เอาใบประวัติวัคซีนมา…


นสายการบินอลาสก้า ไม่มีทีวีให้ดู แต่เขาแจกเป็น tablet ให้คนละอันไปเลย ในนั้นก็จะมีหนัง ทีวีโชว์ เพลง การ์ตูน ให้เลือกดูไม่อั้น ฟรีสำหรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส แต่ถ้าชั้นธรรมดาต้องจ่ายเงินเพิ่ม

เที่ยวบินนี้มีเพียงวันละเที่ยวจากนิวส์ออลีนส์มาที่ซีเอเทิล พวกเรามาถึงที่นี่เกือบเที่ยงคืน (ซึ่งเวลาที่นี่ช้ากว่าเวลาที่นิวส์ออลีนส์ 2 ชั่วโมง นั่นก็หมายความว่าจริงๆ แล้วคือตีสองของเวลาที่พวกเราบินมา)
จากสนามบิน เรารับกระเป๋า และขึ้นรถบัสไปรับรถเช่า ครั้งนี้เราเช่ารถของ Alamo

เวลารับรถ พนักงานมักจะถามว่า อัพเกรดรถไหม เช่าจีพีเอสเพิ่มไหม เพิ่มชื่อคนขับไหม (ที่นี่เช่าชื่อใคร คนนั้นมีสิทธิ์ขับได้คนเดียว เพราะมีเรื่องประกันฯ ด้วย)
สรุปเราอัพเกรดรถขึ้นจากเดิมเป็นอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเพิ่มอีก $100 ไม่เอาจีพีเอส เพราะใช้ไอโฟนดีกว่าเยอะค่ะ

เพราะพวกเรารู้ว่าเที่ยวบินพวกเรามาถึงที่นี่ดึก เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่นั่งรอพวกเรา พวกเราจึงจอง โรงแรมแถมสนามบินฯ สำหรับคืนนี้ (ซึ่งก็เกือบจะเช้าแล้ว)

คุณทิมจอง โรงแรม ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน เพราะว่า ราคาดีสุดแถมบอกว่าได้ วิว ระเบียง แต่พอมาถึง เค้าน์เตอร์ก็ถามว่าให้เราอัพเดทอีกจะได้ King Bed ดีกว่าโน่นนี่นั่น
สรุป เดินเข้ามาเปิดห้อง เราได้เตียงคู่ และนี่ก็คือวิวระเบียงของพวกเรา… ทิมบอกว่า ถ้าไม่ดึกขนาดนี้ ก็คงเตลิดไปเปิด โรงแรมอื่นแล้ว…

ยิ่งตอนเช้า เราเดินมาที่บุพเฟ่ท์ ซึ่งก็เพิ่งตระหนักกันว่าไม่ได้จองรวมโรงแรมพร้อมกับบุฟเฟ่ท์ ทิมก็บอกว่าไม่เป็นไร คงไม่เท่าไร ปรากฎว่า ราคาบุพเฟ่ท์อาหารเช้าคือคนละ $23 หรือประมาณคนละ 800 บาท! นี่มันราคาพนักงานมาประชุมแล้วเบิกเงินคืนได้นี่นา…
เราสองคนเลยเดินข้ามถนนไปทานที่ร้านอาหาร Dave’s Diner ซึ่งได้อาหารตามสั่งตามที่พวกเราต้องการ  สองคนจ่ายไป $23 (พร้อมทิป) เท่านั้น ก็ประหยัดไปครึ่งนึง…

กลับมาอาบน้ำและเช็คเอ้าท์ ราคาจองโรงแรมบนเน็ต $100 แต่ราคาตอนเช็คเอ้าท์ ค่าจอดรถอีก $30 ค่าสัตว์เลี้ยงอีก $50 ค่าโน่นค่านี้่ สรุป จ่ายไป $200กว่า ซึ่งเราคานี้เราน่าจะจอง รร ได้ดีกว่านั้น หรือไม่ก็ รร แบบ ธรรมดา La Quinta ที่ถึงจะไม่แฟนซี แต่ก็ได้มาตรฐานตามราคา ไม่ได้ มาเพิ่มนี่เพิ่มนั่นอีกแบบนี้

Double Tree by Hilton เป็น โรงแรมเก่า การตกแต่งก็ไม่คลาสสิค บางจุดทิ้งร้าง เหมือนไม่มีคนดูแล บอกได้คำเดียวว่า ถ้ามาอีก จะไม่พักที่นี่อีกแล้ว

ค่าจอดรถก็แพงเว่อร์…นี่มันปล้นกันชัดๆ
แต่ไม่เป็นไร ทริปของเราต้องมีอะไรไม่เพอร์เฟคบ้าง ถึงจะเรียกว่า รีวิว จากประสบการณ์จริง…

ทริป 8 วันนี้ ส่วนใหญ่เรากันอยู่แต่ในบ้าน เพราะคุณพ่อของคุณทิมป่วย ดังนั้นก็จะซื้ออะไรมาทานที่บ้านกัน
ด้วยความที่รัฐวอชิงตันนี้อยู่ติดกับมหาสมุทรอลาสก้า ดังนั้นอาหารพื้นเมืองก็จะเน้นอาหารทะเล แต่อหาารทะเลที่ไหนๆก็มี แต่ที่นี่มีเจ้าปูอลาสก้าค่ะ ยิ่งช่วงปลายๆ ปีนี่คือฤดูของเขาเลยค่ะ จะมีขาปูอลาสก้านึ่งสดๆ ขายตามห้างฯ เกือบทุกที่ หรือในร้านอาหารก็มีขายหลากหลายเมนู

แต่แม่เลี้ยง(ภรรยาของคุณพ่อทิม) เห็นเราอยากลอง ก็ขนซื้อมาทั้งแบบเล็กและแบบใหญ่มาก (แบบเล็กของเขาก็ใหญ่กว่าที่เราเคยเห็นล่ะ)
เนื้อปูใหญ่มาก เทียบกับแขนเราแล้วใหญ่พอกันเลย แถมแกะไม่ยากมาก (ใช้สามีแกะ) เสียดายเราไม่มีน้ำจิ้มซีฟูด ฝรั่งจะจิ้มกับ cocktail sauce เหมือนซอสมะเขือเทศแต่จะเปรี้ยวกว่า และเผ็ดกว่านิดนึง รู้สึก(เหมือนซอสมะเขือเทศผสมวาซาบิ)
บางวันเราก็ทำสลัด ใส่เนื้อปู มายองเนส แตงกวาดองหวาน หั่นหัวหอมใหญ่พริกหยวกเป็นลูกเต๋า คลุกให้เข้ากัน ชิมรสตามใจชอบ ทานกับ ขนมปังกรอบ (crackers) อร่อยมาก อีกวัน เราก็เอามาทำไข่เจียวทานกับข้าวสวยร้อนๆ  อร่อยมากแม้ไม่ได้ใส่น้ำปลา

เสียดาย ซื้อกลับบ้านไม่ได้ (หรือได้ แต่ทิมก็คงไม่ยอม เพราะกลัวกระเป๋าเหม็น) อยากเอามาทำปูผัดผงกระหรี่จริงๆ


และที่เราชอบมากที่รัฐวอชิงตัน ก็คือ แอปเปิ้ลค่ะ หวาน กรอบ อร่อย โดยเฉพาะพันธ์ Honey Crisp ตอนแรกก็ซื้อจากร้านซุปเปอร์ฯ แต่พอรู้ว่ามีร้านของชำฯใกล้ล้านคือ Butler’s farm ก็รีบแจ้นไปซื้อทานกัน ตอนแรกนึกว่าจะได้เด็ดแอปเปิลจากต้นเลย เพราะเห็นว่าเป็น ฟาร์ม จริงๆ เป็นแค่ร้านขายแอปเปิ้ลเล็กๆ ที่ให้ลูกค้าบริการตนเอง มีแอปเปิ้ลให้เลือกหลายสายพันธ์ุ ราคา $1-$2 ต่อปอนด์ซึ่งก็ถูกกว่าในซุปเปอร์ฯ

แต่ที่คุณทิมชอบทานมากที่นี่คือ ซุป Clam Chowder เป็นซุปหวานมัน ด้วยเนย นม อัดมาอย่างเข้มข้น มีเนื้อหอย (คล้ายหอยลายบ้านเรา) แต่บางร้านอาจจะเลือกเนื้อสัตว์อย่างอื่น เช่น กุ้ง ปลาแซลมอน ปู แฮมฯลฯ

แต่คุณทิมชอบ clam ที่สุด เพราะหาทานยาก ทุกครั้งที่มีโอกาสทานอาหารนอกบ้าน แกจะสั่งซุปนี้เสมอ สำหรับทริปนี้เราได้ลอง Clam Chowder 3 ร้านคือ ที่ Lowell’s Resturant (ที่ตลาด Pike’s), Steamer’s (ที่ Tacoma) และ Anthony’s (ที่สนามบิน Seattle) ส่วนตัวเราว่าที่ Lowell’s อร่อยที่สุด แต่เขาว่าร้านที่ได้รางวัลคือ Pike Place Chowder ที่ตลาด Pike’s market ซึ่งเราไม่ได้ลอง เพราะว่าอิ่มสะก่อน


เราได้มีโอกาสไปเที่ยวในตัวเมืองซีเอเทิลหลังคริสต์มาส ที่ตลาด Pike’s  ก็ตื่นเต้นดี เพราะเราขับรถขึ้นเฟอรรี่ข้ามฝาก และเดิน เที่ยว ชิม กิน ชอป ที่ตลาด Pike’s เกือบค่อนวัน เพราะมีร้านอาหารเยอะมาก แต่ละร้านก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงและเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวที่อยากลิ้มลอง บางร้านต้องต่อแถวนานมาก

โดยเฉพาะร้านสตาร์บัค(ร้านแรกของโลก) ที่เราต่อแถวกว่าชั่วโมง  จากนั้นก็แว่ะไปถ่ายรูปเล่นกับกำแพงหมากฝรั่ง (Gum Wall) ถึงแม้จะดูน่าขยะแขยงแต่ก็แปลกดี สงสัยจังว่า ใครเริ่มก่อน???

ก่อนกลับจากซีเอเทิล เราแว่ะไปที่ไชน่าทาวน์ คิดว่าจะได้นวดเท้ากันคนละชั่วโมง แต่ป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปนิดหนึ่ง เพราะไม่มีอะไรเลย ต่างจากไชน่าทาวน์ที่นิวยอร์คอย่างสิ้นเชิง น่าจะไปดาวน์ทาวของซีเอเทิลมากกว่า

จบทริปเยี่ยมคุณพ่อของคุณทิม นอกจากจะได้ความทรงจำดีๆ ช่วงวันคริสต์มาสกับครอบครัวคุณพ่อคุณทิมแล้ว พวกเราก็ได้รู้จักรัฐวอชิงตันอีกด้วย…

 

ค่าจอดรถระยะยาว (ที่สนามบินนิวออลีนส์ 20-28 Dec 2017) $136.56
รถเช่าที่ Seattle ตลอดทริป ไม่รวมน้ำมัน $604.09
ค่าที่พัก 1 คืน ที่ Double Tree hotel $202.05
ค่าธรรมเนียม(สัตว์เลี้ยง) ขึ้นเครื่องบิน ไปกลับ $200
ค่าเครื่องบินไปกลับ เราสองคน $3000  (ส่วนนี้ทางคุณแม่ออกให้)

เดินทาง 20-28 ธันวาคม 2560 ทริปนี้เป็นทริปครั้งแรกที่เรามารัฐวอชิงตัง แต่น่าจะเป็นครั้งที่ 3 ของคุณทิม

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *