บรอดเวย์เรื่องแรก Wicked, สตูดิโอข่าว Fox & Friends in Time Square (New York, USA)

ตอนเด็กๆ ดูแต่ลิเก โตขึ้นมาได้ดูบรอดเวย์!  

(English Version)
สองวันสั้นๆ ที่นิวยอร์คซิตี้ เราพักกันในใจกลางของ เมืองไทมสแควร์ โดยเย็นวันแรกที่มาถึงก็ได้ไปล่องเรือชมรูปปั้นเทพีเสรีภาพมาแล้ว วันต่อมาคุณผู้ชายจองช่วงเช้าว่าต้องไปดูการถ่ายทอดข่าวสดๆ ของ Fox เพราะเขาเป็นแฟนตัวยงของรายการ Fox and Friends ส่วนตอนเที่ยงก็ไปทัวร์ชิมอาหารที่ไชน่าทาวน์ และตอนค่ำๆ นั้นพวกเราก็ไปดูบอร์ดเวย์เรื่อง Wicked กัน

มาเริ่มที่ตอนเช้าในไทม์สแควร์ คุณทิมนี่ตื่นแต่เช้าเองเพราะมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเดินไปชมสตูดิโอข่าวของ Fox ตรงมุมถนน West 48th Street กับ Sixth Avenue ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม Gallivant  (48th Street) ที่เราพัก

Fox and Friends จะจัดรายการทุกเช้าโดยเริ่มตั้งแต่ 6-9 โมงเช้า ต่อจากนั้นก็เป็นรายการข่าวของช่อง แต่ด้วยที่คุณทิมเป็นแฟนตัวยงของรายการ Fox and Friends แกก็อยากไปดูผู้ประกาศข่าวตัวเป็นๆ ค่ะ

วันแรกนี่ไปแต่เช้า (เช้ามาก) ยังไม่มีใครมา โดยทาง Fox and Friends จะส่งผู้ประกาศข่าวออกมาทักทายแฟนข่าวเป็นช่วงๆ ช่วงแรกที่เราไปมีแฟนข่าวมายืนด้วยไม่กี่คน แต่ก็ดีได้ใกล้ชิดและถูกถ่ายทอดสดไปด้วยเลย…

ผู้ประกาศข่าวก็ดูเหมือนจะรู้งานเพราะว่าออกมาทักทายอย่างเป็นกันเอง และผลัดเปลี่ยนกันไป ตอนสายๆ ก็จะมีแฟนๆ มากันเยอะหน่อย

โดยทาง Fox ก็จะจัดกิจกรรมดีๆ ให้แฟนๆ มาร่วมสนุกกันด้านนอกตลอด ซึ่งก็แล้วแต่จังหวะและโอกาส อย่างตอนที่พวกเราไปก็มีคอนเสิร์ตบอยแบรนด์ (ที่เคยโด่งดัง) มาเล่นกันสดๆ ให้ชม ทาง Fox ยังมีอาหารหรือของทานเล่นไว้ให้บริการอีกด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมฟรีๆ แต่ก็ดีต่อใจของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะแฟนข่าวของ Fox ที่นี่ค่ะ

หลังจากได้ออกทีวีแล้ว คุณทิมก็อิ่มใจ แต่กายก็เริ่มหิว เพราะว่ายังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันเลย และเมื่อเรามานิวยอร์คเราก็ต้องทานอาหารเช้าแบบคนนิวยอร์ค นั่นก็ บาเกล (Bagel)

ร้านบาเกลดังๆ ที่นี่ก็มีหลายร้าน แต่ในระยะที่เดินได้จาก โรงแรมเราได้ (และจาก Fox)นั้นก็คงต้องอยู่ในย่านในกลางของ ไทม์สแควร์นี่แหล่ะค่ะ มีอยู่สองร้านที่เราได้ทานเป็นอาหารเช้าสำหรับสองวันที่นี่ คือร้าน Pick A Bagel กับ Roast Kitchen

ส่วนตัวแล้วเราชอบ Roast Kitchen เพราะตัวบาเกลจะหอม กรอบนอก นิ่มใน และตัวครีมชีสที่เราเลือกนั้น ก็หอมหวานกำลังพอดี โดยสนนราคาบาเกลและครีมชีสนั้นตกอันละประมาณ $5-$6 ค่ะ  แต่ที่ร้านเขาก็มีอาหารเช้าแบบอื่นนะคะ แต่อย่างที่บอกว่า มานิวยอร์คก็ต้องทานแบบคนนิวยอร์ค ถ้าหากไม่ทานที่ร้านแล้ว เราก็จะเห็นรถเข็ญขายบาเกลเกลื่อนตามถนนในเมืองนิวยอร์คไปหมดค่ะ (จริงๆ อยากลองทุกร้านเลย)


บรรยากาศรวมๆในช่วงตอนเช้านั้น Time Square ก็เป็นแค่เมืองธรรมดาๆ เมืองหนึ่งค่ะ มีแต่พนักงานออฟฟิสเดินไปทำงาน พอสายๆ บ่ายๆ จะมีนักท่องเที่ยวเริ่มออกมาเดินเที่ยวกัน บ้างก็นั่งรถชมเมือง บ้างก็หลง โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินที่นี่ นอกจากจะสกปรกแล้ว ยังไม่ค่อยมีป้าย หรือไม่มีพนักงานให้สอบถามอะไรเลยค่ะ ส่วนมากต้องอาศัยคนพื้นที่ช่วยบอก ซึ่งคนนิวยอร์คก็ใจดีนะคะ บางคนเห็นพวกเราเดินวนๆ ก็เข้ามาถามแล้วว่า จะไปไหน? มีอะไรให้ช่วยไหม?

แต่ Time Square จะกลับมาคึกคัก อีกครั้งก็ตอนเย็นๆ ค่ำๆ เรียกว่า ยิ่งดึก ยิ่งคนเยอะค่ะ

ในย่าน Time Square ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ก็แค่อยากได้บรรยากาศ แต่ไม่ได้อยากช้อปอะไรนัก เหมือนกับพวกเรา เพราะร้านแบรนด์เนมที่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากที่รัฐฯอื่นๆ นอกจากจะร้านใหญ่กว่า อลังการกว่าเท่านั้น เรื่องช้อปปิ้ง เราก็เลยไม่ได้สนใจค่ะ (เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!!!)

นอกจากมีนักท่องเที่ยวเยอะแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า ที่นี่ก็มีขอทานเยอะเช่นกันค่ะ ในบางปีมีสถิติของขอทานหรือผู้เร่รอน ตามถนนในใจกลางเมืองนิวยอร์คนี้ถึง 4000 คน ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจนะ ที่เป็นข่าวออกมา ขอทานคนหนึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยต่อวันประมาณ 2,200 บาท แต่ในบางวัน บางคนก็สามารถทำเงินได้ถึง 6000บาท ต่อชั่วโมง!!!

สำหรับเรา เวลาเห็นขอทานของฝรั่ง จะมีความแปลกตาแปลกใจนิดหนึ่ง ตรงที่พวกเขาเหล่านั้นดูท่าทางแข็งแรง กำยำ ครบ32 ประการ ซึ่งต่างจากขอทานที่เราจะเห็นที่บ้านเรา…


อีกอย่าง ขอทานที่นี่ (รวมถึงในเมืองต่างๆ ของ อเมริกาฯ) มักจะมีสัตว์เลี้ยงด้วย! ถ้ามองในแง่ดีก็คือ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังรับผิดชอบกับสัตว์เลี้ยงของเขา (ไม่เอาไปปล่อยวัดเหมือนคนไทยบางคน) แต่ถ้ามองในแง่การตลาด ยิ่งมีสัตว์เลี้ยง ก็จะได้รับเงินมากขึ้น เพราะฝรั่งเขารักสัตว์กันค่ะ

ที่กล่าวถึง ขอทาน ไม่ใช่ว่าจะมีความหมายอะไรแอบแฝง แต่ในฐานะนักท่องเที่ยว ก็แอบหวั่นๆ เวลาเดินบนถนน แล้วมีพวกเขานอนเกลื่อนไปหมด…

ว่าแล้ว ก็ไปดูบรอดเวย์กันดีกว่า…

ถ้าพูดถึงบรอดเวย์ อาจจะหมายถึงได้หลายอย่าง เช่น ละคร เพลง โชว์ ฯลฯ แต่ สำหรับตอนนี้เราหมายถึงละครเวทีบรอดเวย์

ละครบรอดเวย์เป็นละครเวทีนั้นโด่งดัง ยาวนานมาก เราสามารถดูละครบรอดเวย์ได้ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา (หรือทั่วโลก) แต่ถ้าจะพูดถึงละครบรอดเวย์จริงๆ แบบออริจินัลก็ต้องที่นิวยอร์คนี่แหล่ะค่ะ  เพราะถ้าหากนับเฉพาะโรงละคร (Broadway Theatre) เฉพาะตามความนิยมก็มีกว่า 40ที่ทั่วเมืองนิวยอร์ค โดยที่ไทม์สแควร์ถือว่าเป็น hub ของโรงละครเลย

ให้จำว่า ละครบรอดเวย์นั้นมีหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งก็โรงละครหนึ่งไปเลย ดังนั้นถ้าหากซื้อบัตรสำหรับเรื่องใดก็อยากให้เดินหาโรงละครก่อน ถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่หลงค่ะ

โดยเรื่องแรกของเรา คุณทิมเลือกเรื่อง Wicked ให้  โดยละคร Wicked เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมสูงสุด และส่วนมากจะติดอันดับ top 5 ของละครบรอดเวย์ตลอดกาล โดยมีการปรับเปลี่ยนนักแสดงมาหลายยุคหลายสมัย

คำถามแรกที่จะไปดูละครบรอดเวย์คือ การแต่งกาย หรือ dress code ค่ะ ถ้าเห็นจากหนังหรือละครที่เวลาพระเอกนางเอกหรือตัวละครไปดูละครบรอดเวย์ เขาจะแต่งตัวกันอย่างกับไปงานราตรีสโมสร ทำให้นักท่องเที่ยวหลายๆคนก็แอบสับสนว่าในชีวิตจริงเวลาเราไปดูละครบรอดเวย์นั้นเราจักต้องแต่งตัวอย่างไร

เราเข้าไปเช็คในเว็บไซต์ของ บอร์ดเวย์ เขาไม่ได้กำหนดหรือกะเกณฑ์อะไรกับการแต่งตัวมากนัก แค่ดูเรียบร้อยแบบ casual ก็พอ “While going to the theater is certainly a special occasion, there is no required dress code. You’ll probably be most comfortable in casual business wear “

ลูกชายเพื่อนของคุณทิม ซึ่งทำงานอยู่ที่บรอดเวย์ก็บอกเราว่า เราจะอาจจะเห็นคนแต่งตัวตั้งแต่ชุดราตรี สูท จนถึงกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ต หรือบางคนก็ใส่กางเกงขาสั้นแบบธรรมดาๆ โดยทางโรงละครจะไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก ขอแค่อย่าดูสกปรกหรือน่าเกลียดจนเกินไปเท่านั้นค่ะ

คุณทิมก็สวมใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ขายาว ส่วนเราก็ชุดเดรสผ้ายืดเบาๆ ค่ะ แต่งแต่พอดี แต่ก็ดีกว่าปกตินิดนึง …

การแสดงของบรอดเวย์นั้นใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักของการแสดงค่ะ ไม่มีล่าม ไม่มีหูฟังแบบแปลให้ยืมนะคะ รอบการแสดงที่พวกเราซื้อนั้นคือตอน 1 ทุ่มตรง ตามปกติก็ควรไปก่อนการแสดงสัก ครึ่งชั่วโมงค่ะ

ด้านในก็พอจะมีร้านขนม หรือเครื่องดื่ม โซดาฯลฯ(คล้ายๆ โรงหนังทั่วๆ ไป) โดยเครื่องดื่มแบบคอกเทล แบบไม่มีแอลกอฮอล์ (พันซ์) จะประมาณ $7 แต่ถ้าแบบมีแอลกอฮอล์ (คอกเทล) ก็จะ $19 ค่ะ

แต่แก้วเขาน่ารักดี…หอบกลับบ้านมาเป็นที่ระลึกได้  ภายในโรงหนังก็จะมีรูปนักแสดงเก่าๆ ของละคร Wicked อีกด้วย เพราะการได้เป็นนักแสดงของบรอดเวย์ เขาก็ถือว่าเป็นสุดยอดความฝันของเหล่านักเรียนการแสดงเลยก็ว่าได้…

ส่วนราคาตั๋วสามารถเช็คราคาได้ที่ https://www.broadway.com/ ซึ่งเราสามารถเลือกรอบ วันและเวลาได้ตามตารางของเขาค่ะ โดยราคาเริ่มต้นที่ ประมาณ $100 ส่วนพวกเราได้ตั๋วตรงกลางเวที ไม่ใกล้ไม่ไกล เรียกว่ากลางๆ กำลังดีเลยค่ะ ที่ได้ที่นั่งกำลังดีแบบนี้ก็ต้องขอบคุณลูกชายของเพื่อนคุณทิมที่ซื้อบัตรและจองที่นี่นั่งให้พวกเราในครั้งนี้ โดยสนนราคาที่พวกเราจ่ายคือคนละ $151 หรือ 4,600 บาทค่ะ

ถ้าหากไม่ได้จองตั๋วไว้ ก็สามารถซื้อได้ที่หน้าโรงละคร (ถ้ายังมีที่ว่างนะคะ)

เรื่อง Wicked เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยมีเนื้อเรื่องและเรียบเรียงมาจากเรื่อง Wizard of Oz ที่พูดถึงแม่มดตัวสีเขียว ที่แม้จะมีรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว แต่ลึกๆ แล้วเป็นแม่มดที่ดี

นักแสดงของ Wicked ไม่ว่าจะเป็นตัวหลัก ตัวรองหรือ ตัวประกอบ ต่างก็แสดงสมดั่งคำเล่าลือค่ะ แต่ระหว่างการแสดงเขาห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอนะคะ  จะมีแค่ช่วงพักการแสดง สามารถถ่ายรูปเล่นได้กับเวทีค่ะ

ช่วงพักการแสดง ก็จะเป็นช่วงที่ผู้ชมจะออกไปห้องน้ำกัน ห้องน้ำหญิงนั้นแถวยาวมาก ไม่แน่ใจว่าเพราะผู้ชมส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง หรือว่า ผู้ชายเขาฉี่เร็วกว่า?!? ด้วยความที่แถวยาวมาก เขามีจราจรห้องน้ำหญิงไว้คอยดูแลด้วยค่ะ

เราจะได้ถ่ายรูปนักแสดงอีกทีก็ตอนจบ ซึ่งนักแสดงจะออกมายืนขอบคุณและโบกมือลาแบบนี้ (แต่จะไม่มีการออกมายืนถ่ายรูปกับผู้ชมนะคะ)

ตอนซื้อตั๋ว รู้สึกแพง แต่ดูจบ แล้ว รู้สึก คุ้ม…

คิดว่าถ้ามีโอกาสได้ดูละครบรอดเวย์อีก เพราะอยากดูอีกหลายเรื่องเลยค่ะ

การได้มานิวยอร์คครั้งนี้ก็เรียกว่าใช้วันและเวลาคุ้มค่ามากๆ เลย ไม่เหนื่อยมาก แต่ก็สนุกมากพอค่ะ

About Jam

I'm Jam, the blogger, and illustrator of this website. I live in Bangkok, Thailand and Louisiana, USA when I'm not travelling.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *